Keyword
PDF Available  
Stock Note

Stock Note - KLINIQ บมจ. เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม

By ณัฏฐ์วริน ไตรภพสกุล|14 May 25 7:39 AM
สรุปสาระสำคัญ

กลยุทธ์การลงทุน

  • เรายังชอบ KLINIQ ในฐานะเป็นหนึ่งในผู้นำคลินิกเวชกรรมด้านผิวหนังความงามของไทย โดยคาดกำไรจะยังเติบโตได้ในระยะยาว หลังผู้บริโภคดูแลสุขภาพและภาพลักษณ์มากขึ้นในทุกเพศทุกวัย อีกทั้งบริษัทยังมีแผนเพิ่มบริการใหม่และขยายสาขาภายใต้แบรนด์ที่หลากหลายเพื่อเจาะลูกค้าทุกกลุ่มอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง โดยแทบไม่มีหนี้ที่มีดอกเบี้ยจ่ายเลย และมีฐานะเงินสดสุทธิ 940 ลบ. จึงเพียงพอรองรับแผนลงทุนราวปีละ 500 ลบ. และมีศักยภาพจ่ายปันผลสม่ำเสมอ ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนคงแนะนำ “ซื้อ” โดยประเมินราคาเป้าหมายใหม่ปี 2568 ด้วยวิธี DCF (อิง WACC ที่ 8.7% และการเติบโตระยะยาวที่ 2%) อยู่ที่หุ้นละ 33 บาท ยังมี Upside 23% และคาดมีเงินปันผลจ่ายจากกำไรปี 2568 หุ้นละ 1.56 บาท คิดเป็น Yield ปีละราว 5.8%

ก่อนไปคิดอะไร

 

  • บริษัทมีแผนปรับเป้ายอดขายและกลยุทธ์ดำเนินธุรกิจปี 2568 หรือไม่ หลัง 1Q68 มีกำไรสุทธิ 85 ลบ. (ต่ำกว่าตลาดคาด 6%) โดยอ่อนตัว 14%QoQ ตามผลฤดูกาลและได้รับผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหวทำให้ลูกค้าชะลอเข้ารับบริการช่วงปลาย มี.ค. แต่กำไรยังเติบโต 12.7%YoY เนื่องจากรายได้รวมที่เติบโต 18%YoY หลักๆ เกิดจากรับรู้รายได้สาขาใหม่ที่มีเพิ่มขึ้นจาก 1Q67 จำนวน 8 แห่ง (The Klinique 2 แห่ง, L.A.B.X 4 แห่ง, KLINIQ Spa และ L Clinic อย่างละ 1 แห่ง) อีกทั้งรับรู้รายได้จากศูนย์ศัลยกรรมที่เพิ่มขึ้น 41%YoY นอกจากนี้อัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้นเป็น 8% จาก 50.4% ใน 1Q67 หลังเพิ่มบริการใหม่ที่มีมาร์จิ้นดีขึ้น อย่างไรก็ดีปัจจัยบวกดังกล่าวถูกหักล้างด้วย SG&A/Sales ที่สูงขึ้นเป็น 37.6% จาก 37.4% ใน 1Q67 เนื่องจากมีค่าตัดจำหน่ายสัญญาพรีเซ็นเตอร์และค่าใช้จ่ายเพิ่มทีมบริหาร อีกทั้งมี Effective tax rate ที่สูงขึ้นเป็น 20.5% จาก 16.6% ใน 1Q67 ซึ่งแย่กว่าคาด หลังสิ้นสุดสิทธิประโยชน์ทางภาษี

 

หลังไปได้อะไร

  • ผู้บริหาร KLINIQ ยังคงเป้ารายได้รวมปี 2568 ที่ 3.5 พันลบ. เติบโต 15-20%YoY และอัตรากำไรสุทธิที่ราว 12% ปัจจัยหนุนหลักจะมาจากการรับรู้รายได้สาขาใหม่ที่เปิดต่อเนื่องภายใต้แบรนด์ที่หลากหลายเพื่อเจาะลูกค้าทุกกลุ่มทุกเพศทุกวัยตั้งแต่ระดับ High End (KLINIQUE), Premium Mass (A.B.X) จนถึงระดับ Mass (L Clinic) โดยยังเน้นพื้นที่ที่มีกำลังซื้อ ซึ่งปีนี้ตั้งเป้าขยายสาขา 10 แห่ง แบ่งเป็นภายใต้แบรนด์ The Klinique 3 แห่ง, L.A.B.X 4 แห่ง และ L Clinic 3 แห่ง ทำให้สิ้นปีนี้คาดมีสาขารวม 83 แห่ง เพิ่มจาก 73 แห่งในปี 2567 นอกจากนี้ยอดขายสาขาเดิมคาดจะยังเติบโตได้ตามการขยายตัวของอุตสาหกรรมความงามจากกระแสความต้องการดูแลตัวเองที่มีมากขึ้นและการเพิ่มบริการใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้ามากขึ้น

  • กำไรสุทธิ 1Q68 คิดเป็น 22% ของประมาณการทั้งปีซึ่งต่ำเกินไป บวกกับ อัตราภาษีจ่ายจริงปีนี้มีแนวโน้มสูงกว่าคาดเดิมจากสิ้นสุดสิทธิประโยชน์ทางภาษี เพื่อสะท้อนปัจจัยลบดังกล่าว เราจึงปรับลดประมาณการกำไรตั้งแต่ปี 2568 จากเดิมราว 12% ส่งผลให้ภายใต้ประมาณการใหม่คาดปี 2568 KLINIQ จะมีกำไรสุทธิ 359 ลบ. ยังเติบโต 3%YoY โดย 2Q-4Q68 คาดกำไรจะยังเติบโตได้ YoY ทุกไตรมาส ด้วยแรงหนุนจากการรับรู้ยอดขายจากสาขาใหม่ การเติบโตของยอดขายสาขาเดิม การคุมค่าใช้จ่ายที่ดีขึ้น อีกทั้งผลการดำเนินงานของศูนย์ศัลยกรรมคาดจะปรับตัวดีขึ้นตามลำดับ

  • ความเสี่ยงสำคัญ คือ มีภาวะการแข่งขันในธุรกิจมีสูง, พฤติกรรมผู้บริโภคและเทคโนโลยีการรักษาดูแลความงามเปลี่ยนแปลงเร็ว ส่วนความเสี่ยงด้าน ESG ที่สำคัญ คือ ความปลอดภัยและการรักษาข้อมูลการรักษาของผู้มาใช้บริการ (S) รวมทั้งมีผู้ถือหุ้นใหญ่ถือหุ้นของบริษัทเกิน 50% (G)
Stocks Mentioned
KLINIQ.BK
Author
Slide2
ณัฏฐ์วริน ไตรภพสกุล

นักวิเคราะห์อาวุโสกลุ่มหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5