Keyword
PDF Available  
Stock Note

Stock Note - NER บมจ. นอร์ทอีส รับเบอร์

By ณัฏฐ์วริน ไตรภพสกุล|14 May 25 7:36 AM
สรุปสาระสำคัญ

กลยุทธ์การลงทุน

  • แม้ล่าสุดสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนจะมีสัญญาณผ่อนคลายลง และช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้นปรับตัวลงจนทำให้เริ่มมี Upside 13% จากราคาเป้าหมายปี 2568 ที่หุ้นละ 5.00 บาท (EPS อิงจำนวนหุ้นที่เพิ่มขึ้นจากใช้สิทธิแปลงสภาพ NER-W2 ซึ่งมี 308 ล้านหน่วย และกำหนดให้ใช้สิทธิเท่ากัน 3 ครั้งในเวลาที่เหลือ 1.5 ปี พร้อมอิงค่าเฉลี่ย PER ที่ 6.0 เท่าเช่นเดิม) แต่เรามองยังไม่น่าสนใจซื้อลงทุนในช่วงสั้น หลังยังมีต้องติดตามความชัดเจนของนโยบายภาษีนำเข้าของสหรัฐซึ่งอาจกระทบต่อเศรษฐกิจและอุปสงค์ยางโลก อย่างไรก็ดี NER ยังมีจุดเด่นที่จ่ายเงินปันผลสูง โดยคาดมีเงินปันผลจ่ายจากกำไรปี 2568 หุ้นละ 0.34 บาท คิดเป็น Yield สูงราวปีละ 7.6% ดังนั้นช่วงสั้นกลยุทธ์ลงทุนสำหรับผู้ที่มีหุ้นอยู่เดิมจึงคงแนะนำ “Neutral” เพื่อรับเงินปันผล

ก่อนไปคิดอะไร

 

  • บริษัทมีแผนปรับเป้ายอดขายและกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจปี 2568 หรือไม่ หลัง 1Q68 NER มีกำไรสุทธิ 609 ลบ. แต่หากไม่รวมรายการพิเศษจะมีกำไรปกติ 595 ลบ. (ดีกว่าตลาดคาด 8%) เติบโต 25%YoY ปัจจัยหนุนมาจากยอดขายที่เพิ่มขึ้น 33%YoY จากมีปริมาณขายยาง 1.27 แสนตัน เพิ่มขึ้น 11%YoY และราคาขายยางเฉลี่ยที่ 68.44 บาทต่อกก. เพิ่มขึ้น 20%YoY อย่างไรก็ดี การเพิ่มขึ้นของยอดขายถูกหักล้างบางส่วนด้วยอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดเหลือ 10.6% จาก 11.6% ใน 1Q67 หลังมีต้นทุนยางเฉลี่ยสูงขึ้น ขณะที่กำไรปกติที่เพิ่มขึ้น 23%QoQ โดยแม้ยอดขายจะลดลง 2.6%YoY จากมีปริมาณขายยางลดลง 6%QoQ แต่ถูกชดเชยได้ด้วยอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นเป็น 10.6% จาก 8.8% ใน 4Q67 หลังราคาขายยางล่วงหน้าเพิ่มขึ้นในอัตราเร่งกว่าต้นทุนยาง

 

หลังไปได้อะไร

  • ผู้บริหาร NER ยังคงตั้งยอดขายและปริมาณขายยางปี 2568 ไว้ที่ 4 หมื่นลบ. (24%YoY) และ 5 แสนตัน (+14%YoY) ตามลำดับ โดย 2Q68 คำสั่งซื้อยางยังไม่ได้รับผลกระทบจากการที่สหรัฐฯ ประกาศเก็บภาษีศุลกากรเพิ่มขึ้น เนื่องจากส่วนใหญ่ได้ปิดการขายไปตั้งแต่ 1Q68 แต่สังเกตได้ว่าภายใต้มาตรการภาษีดังกล่าว (แม้จะมีการเลื่อนบังคับใช้ไป 90 วัน) ได้มีผลทำให้ลูกค้าชะลอคำสั่งซื้อยางในช่วงสั้นซึ่งอาจมีผลต่อปริมาณขายยางใน 3Q68 อย่างไรก็ดี ล่าสุดสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่มีสัญญาณคลี่คลายลงคาดทำให้คำสั่งซื้อเริ่มกลับมาดีขึ้นได้ ทั้งนี้บริษัทจะทบทวนเป้ายอดขายและปริมาณขายอีกครั้งในช่วงกลางปี เพื่อรอดูผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐให้ชัดเจนก่อน พร้อมชะลอแผนสร้างโรงงานใหม่แห่งที่ 3 ในไทย (กำลังผลิต 3.2 แสนตัน) จากเดิมจะสร้างกลางปีนี้และเปิดเฟสแรก (กำลังผลิต 1.6 แสนตัน) ใน 2Q69 ไปเป็น 3Q69

  • กำไรปกติ 1Q68 คิดเป็น 34% ของประมาณการทั้งปี และเรายังคงประมาณการเดิม โดย 2Q68 คาดกำไรปกติจะอ่อนตัว QoQ ตามผลฤดูกาลซึ่งปกติจะมีปริมาณขายลดลงจากเข้าสู่ช่วงปิดกรีดยาง แต่มีโอกาสทรงตัวหรือเติบโตเล็กน้อย YoY เนื่องจากยอดขายที่เพิ่มขึ้น (จากฐานปีก่อนต่ำ) ตามปริมาณขายและราคาขายยางเฉลี่ยที่สูงขึ้น คาดจะถูกหักล้างด้วยอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลงหลังมีต้นทุนเฉลี่ยยางสูงขึ้น อีกทั้งยังจะต้องรับรู้ดอกเบี้ยจ่ายที่สูงขึ้นหลังบริษัทออกหุ้นกู้เพิ่มเติมในช่วง ธ.ค. 67 โดยปี 2568 เราคงคาด NER จะมีกำไรปกติ 1,724 ลบ. เติบโต 3%YoY จากปริมาณขายและราคาขายยางที่สูงขึ้น แต่มาร์จิ้นจะลดลงตามต้นทุนยางและดอกเบี้ยที่สูงขึ้น

  • ความเสี่ยงสำคัญ คือ ความผันผวนของราคายางพารา, มาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐ, การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก, ภาวะภัยแล้งจากเอลนีโญ, การแข็งค่าของเงินบาท ส่วนความเสี่ยงด้าน ESG ที่สำคัญ คือ การแปรรูปยางอาจก่อให้เกิดมลภาวะทางอากาศและเกิดน้ำเสียได้ (E) อย่างไรก็ดี บริษัทบริหารจัดการกระบวนการผลิตอย่างเป็นระบบ และมีการติดตามผลต่อเนื่อง
Stocks Mentioned
NER.BK
Author
Slide2
ณัฏฐ์วริน ไตรภพสกุล

นักวิเคราะห์อาวุโสกลุ่มหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5