ก่อนไปคิดอะไร
HANA ประกาศกำไรสุทธิที่ 1,075 ล้านบาท มากกว่าตลาดคาดไว้ที่ 630 ล้านบาท หลักๆ มาจากรายการพิเศษกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 360 ล้านบาท และกำไรจากตราสารอนุพันธ์ 154 ล้านบาท โดยหากตัดรายการพิเศษออกไป Core earnings ออกมาค่อนข้างอ่อนแอที่ 586 ล้านบาท ลดลง 3% qoq จากรายได้ที่ลดลงกว่า 5.6% QoQ (รายได้ดอลล่าร์ลดลง 4% QoQ) ได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่ามากใน 4Q65 รวมถึง demand ที่ชะลอตัวลงใน 4Q65 ทั้งในส่วนกลุ่มผลิตภัณฑ์ PCBA และ IC ซึ่งสะท้อนความต้องการในผลิตภัณฑ์ PC และมือถือที่ชะลอตัวลงทั่วโลก
หลังไปได้อะไร
แนวโน้มผลการดำเนินงานใน 1Q66 คาดว่าจะอยู่ในทิศทางที่ชะลอตัวลง QoQ โดยยังได้รับผลกระทบจากลูกค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ และ Smartphone ที่มีคำสั่งซื้อที่ชะลอตัวลง ตามความกังวลภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว สินค้าคงเหลือที่มาก รวมถึงยังมีแรงกดดันจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น นอกจากนี้ 1Q66 ยังมีผลกระทบจากโรงงานจีนที่ผลิตไม่ได้เต็มที่จากการแพร่ระบาดเชื้อ COVID และการหยุดยาวช่วงตรุษจีน โดยรวมทำให้อัตราการทำกำไรอ่อนแอลงเช่นกัน สำหรับการเพิ่มทุน PP จำนวน 5 ล้านหุ้น (10% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด) นั้น ต้องรออนุมัติผู้ถือหุ้นก่อน แล้วจะพิจารณาขายให้กับนักลงทุนสถาบัน หรือรายอื่น รวมกันไม่เกิน 50 ราย คาดว่าจะมี dilution effect ไม่มาก (ประมาณ 1%) เนื่องจาก HANA กำหนดราคาขาย PP จะมีส่วนลดได้ไม่เกิน 10% จากราคาตลาดในช่วงนั้น ซึ่งเงินที่ได้จากการเพิ่มทุน เบื้องต้นคาดว่าจะนำมาเป็นเงินลงทุนในธุรกิจใหม่อย่าง Silicon Carbide เป็นหลัก
ความเห็นและกลยุทธ์การลงทุน
เรามองว่าแนวโน้มกำไรจากการดำเนินของ HANA จะค่อนข้างมีความท้าทาย (คาดว่าจะลดลง 4% YoY) ในปี 2566 จากปริมาณความต้องการสินค้าหลักในกลุ่ม PC และ Smartphone ต้นทุนวัตถุดิบที่แพง (ซื้อในช่วงค่าเงินบาทอ่อน) และต้นทุนค่าไฟฟ้าที่ขึ้น จะมากระทบอัตราการทำกำไรในช่วง 1H66 แม้ว่าคาดว่าปริมาณคำสั่งซื้อสินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์ RFID Inlay ที่เพิ่มขึ้นมาก โดยเฉพาะลูกค้ารายใหญ่ Walmart ที่มีคำสั่งซื้อล่วงหน้าจำนวนมาก สอดรับกับข่าวที่ทาง Walmart ได้ประกาศชัดเจนว่าจะมีแผนจะเปลี่ยนระบบจาก Barcode เป็น RFID tag ทั้งหมด และธุรกิจ Silicon Carbide แต่สัดส่วนรายได้และกำไรยังค่อนข้างเล็ก เรามองว่าภาพการฟื้นตัวของกำไร จะอยู่ในช่วง 2H66 หลังจากที่ HANA ขยายกำลังการผลิต RFID inlay (Phase ที่ 2 จะเสร็จกลางปี 2566) และติดตั้งอุปกรณ์ของธุรกิจ Silicon Carbide เสร็จช่วงกลางปี 2566 เช่นกัน
ความเสี่ยง เศรษฐกิจถดถอยรุนแรงมากขึ้น ความท้าทาย และความผันผวนของค่าเงินบาท
เราให้ราคาเป้าหมายปี 2566 ที่ฐาน PER ที่ 20 เท่าซึ่งเท่ากับ mean ในรอบ 5 ปีของ HANA ได้ราคาเป้าหมาย 00 บาทต่อหุ้น โดยราคาหุ้นปัจจุบันถือว่าอยู่ระดับใกล้เคียงกับมูลค่าพื้นฐาน เราจึงแนะนำเพียงถือ