KLINIQ
PDF Available  
Stock Note

Stock Note - KLINIQ บมจ. เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม

By ณัฏฐ์วริน ไตรภพสกุล|15 Nov 24 8:56 AM
สรุปสาระสำคัญ
  • กำไรสุทธิ 3Q67: 74 ล้านบาท เติบโต 4.4% YoY ต่ำกว่าที่ตลาดคาด
  • ยอดขายรวม: เติบโต 27% YoY
    • ยอดขายสาขาเดิมเติบโต 2.8% YoY
    • เพิ่มบริการใหม่ๆ และคลินิกศัลยกรรมได้รับการตอบรับที่ดี
    • รับรู้ยอดขายจากสาขาใหม่ 19 แห่ง
  • อัตรากำไรขั้นต้น: ลดลงเป็น 5% จาก 53.8% ใน 3Q66
    • สัดส่วนรายได้จากศูนย์ศัลยกรรมและ L.A.B.X ที่มีมาร์จิ้นต่ำกว่า The Klinique
    • ค่าเช่าและค่าแพทย์ของสาขาเปิดใหม่
  • SG&A/Sales: 39.2% สูงขึ้นจาก 39.0% ใน 3Q66
    • รายได้จาก L.A.B.X ไม่เป็นไปตามเป้า ทำให้มีค่าใช้จ่ายการตลาดสูงขึ้น

ก่อนไปคิดอะไร

  • บริษัทมองผลการดำเนินงานช่วงที่เหลือของปีนี้อย่างไร หลัง 3Q67 มีกำไรสุทธิ 74 ลบ. เติบโตเพียง 4.4%YoY ต่ำกว่าตลาดคาด โดยแม้ยอดขายรวมจะเติบโตเด่น 27%YoY หลังยอดขายสาขาเดิมยังเติบโต 2.8%YoY จากการเพิ่มบริการใหม่ๆ ให้หลากหลายมากขึ้นและคลินิกศัลยกรรมยังได้การตอบรับที่ดี อีกทั้งยังรับรู้ยอดขายจากสาขาใหม่ที่มีเพิ่มขึ้น 19 แห่งจาก 3Q66 แต่ปัจจัยบวกดังกล่าวถูกหักล้างด้วยอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลงเป็น 5% จาก 53.8% ใน 3Q66 เพราะมีสัดส่วนรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากศูนย์ศัลยกรรมและ L.A.B.X ซึ่งมีมาร์จิ้นต่ำกว่า The Klinique อีกทั้งยังรับรู้ค่าเช่าและค่าแพทย์ของสาขาเปิดใหม่ รวมทั้งมี SG&A/Sales ที่ 39.2% สูงขึ้นจาก 39.0% ใน 3Q66 หลังรายได้จาก L.A.B.X ไม่เป็นไปตามเป้าทำให้มีสัดส่วนค่าใช้จ่ายการตลาดสูงขึ้น

หลังไปได้อะไร

  • KLINIQ ยังตั้งเป้ารายได้ปีนี้ที่ 3 พันลบ. เติบโต 30%YoY (9M67 เติบโต 30%YoY) และตั้งเป้าในระยะ 5 ปี (ปี 2566-2570) จะมีรายได้เติบโตเฉลี่ยปีละ 30% ตามอุตสาหกรรมความสวยความงามและสุขภาพที่ขยายตัว และการมีแผนเปิดสาขาใหม่ต่อเนื่องเพื่อครอบคลุมลูกค้าทุกเพศทุกวัย โดยเน้นพื้นที่ที่มีกำลังซื้อ โดย 4Q67 จะขยายสาขาอีก 4 แห่ง ภายใต้แบรนด์ทั้ง The Klinique และ A.B.X (9M67 ขยายสาขาไปแล้ว 14 แห่ง ทำให้มีสาขารวม 69 แห่ง) ซึ่งคาดทำให้สิ้นปี 2567 มีสาขารวม 73 แห่ง เพิ่มจาก 55 แห่งในปี 2566 ส่วนปี 2568 มีแผนเปิดสาขาใหม่ 10-15 แห่งและตั้งเป้ามีสาขาครบ 100 แห่งในปี 2570 สำหรับยอดขายสาขาเดิมคาดยังเติบโตต่อเนื่อง หลังมีแผนเพิ่มบริการใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการดูแลตัวเองของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น อาทิ บริการสเต็มเซลล์ปลูกผม อีกทั้งยังเพิ่มทีมการตลาดดึงลูกค้าต่างชาติซึ่งเริ่มเห็นมีลูกค้าจีนมาใช้บริการมากขึ้น

ความเห็นและกลยุทธ์การลงทุน

  • แม้ 4Q67 คาดจะเป็นไตรมาสที่ดีสุดของปีนี้ โดยกำไรจะดีขึ้นทั้ง YoY และ QoQ ตามผลฤดูกาล และปัจจัยหนุนจากกระแสความต้องการดูแลตัวเองที่มีมากขึ้น การเพิ่มบริการใหม่ และการรับรู้ยอดขายจากสาขาใหม่ อีกทั้งผลการดำเนินงานของศูนย์ศัลยกรรมคาดจะดีขึ้นตามลำดับ อย่างไรก็ดีกำไรสุทธิ 9M67 คิดเป็น 68.8% ของประมาณการทั้งปีซึ่งต่ำเกินไป หลังมีค่าใช้จ่ายการตลาดที่สูงกว่าคาดจากการเร่งเปิดสาขาใหม่จำนวนมากและการเพิ่มบริการใหม่ๆ ดังนั้นเพื่อยึดหลักอนุรักษ์นิยม เราจึงขอปรับลดประมาณการกำไรจากเดิมเฉลี่ยปีละ 8% โดยภายใต้ประมาณการใหม่คาดปี 2567 KLINIQ จะมีกำไรสุทธิ 305 ลบ. เติบโต 5.8%YoY และจะกลับมาโตเด่นอีกครั้ง 16.7%YoY ในปี 2568 หลังมองจะเริ่มเก็บเกี่ยวผลลงทุนจากการเร่งขยายสาขาและเพิ่มบริการใหม่
  • เรายังมีมุมมองบวกต่อการเติบโตของ KLINIQ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำคลินิกเวชกรรมด้านผิวหนังความงามของไทย ซึ่งคาดกำไรยังสามารถเติบโตได้ต่อเนื่องในระยะยาว หลังผู้บริโภคดูแลสุขภาพและภาพลักษณ์มากขึ้นในทุกเพศทุกวัย อีกทั้งไทยมีนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism) ทำให้อุปสงค์มีแนวโน้มเติบโตทั้งตลาดลูกค้าไทยและต่างชาติ นอกจากนี้ KLINIQ ยังมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง โดยสิ้น 3Q67 แทบไม่มีหนี้ที่มีภาระดอกเบี้ยจ่ายเลย และมีฐานะเงินสดสุทธิ 650 ลบ. ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงคงแนะนำ “ซื้อ” โดยประเมินราคาเป้าหมายปี 2568 ด้วยวิธี DCF (อิง WACC ที่ 8.7% และการเติบโตระยะยาวที่ 2%) ที่หุ้นละ 40 บาท ยังมี Upside 31% และคาดมีเงินปันผลจ่ายจากกำไรปีนี้หุ้นละ 1.38 บาท คิดเป็น Yield ปีละ 4.5%
  • ความเสี่ยงสำคัญ คือ มีภาวะการแข่งขันในธุรกิจมีสูง, พฤติกรรมผู้บริโภคและเทคโนโลยีการรักษาดูแลความงามเปลี่ยนแปลงเร็ว ส่วนความเสี่ยงด้าน ESG ที่สำคัญ คือ ความปลอดภัยและการรักษาข้อมูลการรักษาของผู้มาใช้บริการ (S) รวมทั้งมีผู้ถือหุ้นใหญ่ถือหุ้นของบริษัทเกิน 50% (G)
Stocks Mentioned
KLINIQ.BK
Author
Slide2
ณัฏฐ์วริน ไตรภพสกุล

นักวิเคราะห์อาวุโสกลุ่มหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5