ก่อนไปคิดอะไร
- บริษัทมองผลการดำเนินงานช่วงที่เหลือปีนี้อย่างไร หลัง 3Q67 NER มีกำไรสุทธิ 361 ลบ. แต่หากไม่รวมรายการพิเศษสุทธิ (กำไรยังไม่เกิดขึ้นจากวัดมูลค่าตราสารอนุพันธ์และ Fx) 140 ลบ. จะมีกำไรปกติ 221 ลบ. หดตัว 35%YoY โดยแม้ยอดขายเพิ่มขึ้น 9.5%YoY เนื่องจากปริมาณขายยางที่ต่ำ 9.8 หมื่นตัน ลดลง 13%YoY ถูกชดเชยได้ด้วยราคาขายยางเฉลี่ยที่ 62.89 บาทต่อกก. เพิ่มขึ้น 26%YoY แต่การเพิ่มขึ้นของยอดขายถูกหักล้างด้วยอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลงเหลือ 8.3% จาก 10.9% ใน 3Q66 หลังมีต้นทุนยางเฉลี่ยสูงขึ้นตามทิศทางราคายางที่ปรับขึ้นแรง อีกทั้งมี SG&A ที่สูงขึ้น 23%YoY ตามค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับพนักงานและยอดส่งออกที่เพิ่มขึ้น ขณะที่กำไรปกติที่หดตัว 55%QoQ เกิดจากอัตรากำไรขั้นต้นที่หดตัวเป็น 3% จาก 12.4% ใน 2Q67 หลังราคาขายยางเฉลี่ยลดลง 2%QoQ แต่ต้นทุนยางเฉลี่ยสูงขึ้น และยังมี SG&A เพิ่ม 63%QoQ หลังมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น อาทิ ค่าขนส่ง ค่าประกัน ตามยอดขายต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นเป็น 29% จาก 19% ใน 2Q67
หลังไปได้อะไร
- NER ยังคงเป้าปริมาณขายยางปี 2567 ที่ 4 แสนตัน (9M67 มีปริมาณขายยาง 3.03 แสนตัน) โดยปัจจุบันมีคำสั่งซื้อล่วงหน้าครอบคลุมไปถึง 1Q68 แล้ว ทั้งนี้ 4Q67 คาดผลการดำเนินงานจะดีขึ้นตามปริมาณขายและราคาขายยางที่สูงขึ้น ส่วนปี 2568 เบื้องต้นตั้งเป้าปริมาณขายยางที่ 5 แสนตัน และมองราคายางเฉลี่ยจะยังทรงตัวสูงที่ราว 70 บาทต่อกก. เนื่องจากอุปทานยางยังมีแนวโน้มออกสู่ตลาดน้อยจากสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย ขณะที่ดีมานด์ยางคาดยังเพิ่มขึ้นได้
- บริษัทได้จัดตั้งบ.ย่อย NER-CI ซึ่งจะดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางในประเทศโกตดิวัวร์เสร็จแล้วและปัจจุบันอยู่ระหว่างขอสิทธิประโยชน์การลงทุนเพื่อสร้างโรงงานกำลังผลิต 8.8 หมื่นตัน/ปี ซึ่งคาดเริ่มผลิต 1H69 และจัดจำหน่าย 2H69 โดยใช้เงินทุนราว 40 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งแหล่งเงินทุนคาดมาจากเงินกู้ ออกบอนด์ หรือเงินสดในกิจการ ส่วนแผนสร้างโรงงานแห่งที่ 3 ในไทยยังรอดูอุปสงค์อุปทานในประเทศก่อนหลังมีหลายบริษัทเตรียมสร้างโรงงานผลิตยางในไทยเพิ่ม
ความเห็นและกลยุทธ์การลงทุน
- แม้ 4Q67 คาดกำไรปกติดีขึ้น QoQ เพราะจะมีส่งมอบยางที่เลื่อนจาก 3Q67 ราว 5 พันตัน และคาดราคาขายยางเฉลี่ยสูงขึ้น QoQ หลังเริ่มใช้ราคายางช่วง 2Q-3Q67 ซึ่งปรับขึ้นแรง หนุนให้คาดอัตรากำไรขั้นต้นจะปรัวดีขึ้น แต่อย่างไรก็ดี 4Q67 คาดกำไรปกติจะอ่อนตัว YoY หลังมีความเสี่ยงปริมาณขายยางจะลดลงและอัตรากำไรขั้นต้นจะอ่อนตัวจากมีต้นทุนเฉลี่ยยางสูงขึ้น อีกทั้งกำไรปกติ 9M67 คิดเป็นเพียง 68% ของประมาณการทั้งปีซึ่งต่ำเกินไป เราจึงขอปรับลดประมาณการ โดยภายใต้ประมาณการใหม่คาดปี 2567 NER มีกำไรปกติ 1,595 ลบ. ทรงตัว YoY แต่จะกลับมาโต 8%YoY ในปี 2568 จากราคายางที่ทรงตัวสูงจากอุปทานจำกัดและมีแผนเพิ่มลูกค้าใหม่
- เราประเมินราคาเป้าหมายปี 2568 ที่หุ้นละ 5.00 บาท (EPS อิงจำนวนหุ้นที่เพิ่มขึ้นจากใช้สิทธิแปลงสภาพ NER-W2 ซึ่งมี 308 ล้านหน่วย และกำหนดให้ใช้สิทธิเท่ากัน 4 ครั้งในเวลา 2 ปี พร้อมอิงค่าเฉลี่ย PER ที่ 6.0 เท่าเช่นเดิม) ซึ่งใกล้เคียงกับราคาหุ้นปัจจุบัน อย่างไรก็ดี NER มีจุดเด่นที่จ่ายเงินปันผลสูง โดยคาดมีเงินปันผลจ่ายจากกำไรปีนี้หุ้นละ 0.36 บาท คิดเป็น Yield ปีละ 7.2% ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงคงแนะนำ “Neutral” เพื่อรับเงินปันผล
- ความเสี่ยงสำคัญ คือ ความผันผวนของราคายางพารา, การถดถอยของเศรษฐกิจโลกและจีน, ภาวะภัยแล้งจากปรากฎการณ์เอลนีโญอาจกระทบผลผลิต, การแข็งค่าของเงินบาท ส่วนความเสี่ยงด้าน ESG ที่สำคัญ คือ การแปรรูปยางอาจก่อให้เกิดมลภาวะทางอากาศและเกิดน้ำเสียได้ (E) อย่างไรก็ดี บริษัทบริหารจัดการกระบวนการผลิตอย่างเป็นระบบ และมีการติดตามผลต่อเนื่อง