ความเห็นและกลยุทธ์การลงทุน
• แม้ NYT จะเป็นหุ้นปันผลสูง (Dividend Stock) ซึ่งมีฐานะการเงิน (IBD/E ต่ำที่ 0.2x) และเงินสดแข็งแกร่ง (CFO ราวปีละ 890 ลบ.) และล่าสุดบริษัทประกาศจ่ายเงินปันผลจากกำไรปี 67 หุ้นละ 0.42 บาท (XD 6 พ.ค.) คิดเป็น Div. Yield สูงปีละ 13% แต่ราคาหุ้นปัจจุบันมี Upside จำกัดจากราคาเป้าหมายปี 2568 ที่หุ้นละ 3.40 บาท (อิง PER -1SD ที่ 9x ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปีของ NYT เพื่อสะท้อนกำไรที่ชะลอตัวจากในอดีต) อีกทั้งอุตสาหกรรมส่งออกรถยนต์ของไทยยังมีความเสี่ยงที่ต้องติดตามจากนโยบายของทรัมป์เกี่ยวกับการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าซึ่งอาจกระทบต่อการส่งออกและเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้า กลยุทธ์ลงทุนจึงยังคงแนะนำเพียง “ถือเพื่อรับปันผล”
ก่อนไปคิดอะไร
• บริษัทมีกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจและตั้งเป้าหมายการเติบโตในปี 2568 อย่างไร หลัง 4Q67 NYT รายงานกำไรสุทธิ 140 ลบ. หดตัว 12.8%YoY ซึ่งหากไม่รวมกำไรพิเศษจากยกเลิกสัญญาเช่าพื้นที่ราว 30 ลบ. จะมีกำไรปกติ 110 ลบ. หดตัว 31%YoY โดยมีปัจจัยลบจากรายได้ให้บริการที่หดตัว 9%YoY โดยแม้รายได้จากให้เช่าคลังสินค้าจะเพิ่มขึ้น 1%YoY หลังรับรู้รายได้จากพื้นที่เช่าใหม่ที่บ่อวิน 3.4 หมื่นตร.ม. แต่ถูกหักล้างด้วยรายได้ให้บริการท่าเทียบเรือซึ่งเป็นรายได้หลักที่ลดลง 12%YoY หลังมีจำนวนรถยนต์ผ่านท่าลดลง 15%YoY อีกทั้งยังรับรู้ผลขาดทุนจากลงทุน 2.1 ลบ. แย่กว่า 4Q66 ที่รับรู้ผลขาดทุนจากลงทุน 0.2 ลบ. นอกจากนี้อัตรากำไรขั้นต้นลดลงเป็น 43.7% จาก 46.6% ใน 4Q66 หลังเกิดผลประหยัดต่อขนาดลลงตามปริมาณรถยนต์ผ่านท่าที่ลดลง ส่งผลให้ปี 2567 มีกำไรสุทธิ 498 ลบ. ทรงตัว YoY แต่หากไม่รวมกำไรพิเศษจากยกเลิกสัญญาเช่าพื้นที่ราว 30 ลบ. จะมีกำไรปกติราว 469 ลบ. ใกล้เคียงกับที่เราคาดการณ์ไว้ที่ 459 ลบ.
หลังไปได้อะไร
• NYT มองปี 68 ธุรกิจหลักให้บริการท่าเทียบเรือส่งออกรถยนต์คาดชะลอตัว ซึ่งสอดคล้องกับที่ ส.อ.ท. ตั้งเป้าผลิตรถยนต์เพื่อส่งออกปีนี้ที่ 1.0 ล้านคัน ลดลง 0.91%YoY หลังมีปัจจัยลบจากความไม่ชัดเจนในมาตรการการค้าของสหรัฐ, คู่แข่งในประเทศคู่ค้ามีมากขึ้น โดยเฉพาะรถไฟฟ้าส่งออกจากจีน, การระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้นของประเทศคู่ค้า รวมถึงมาตรการเข้มงวดการปล่อยคาร์บอนของรถยนต์ของประเทศคู่ค้าที่ทำให้รถยนต์บางรุ่นนำเข้าไม่ได้ อย่างไรก็ดี บริษัทยังมีแรงหนุนหลักจากการเติบโตของรายได้ให้เช่าคลังสินค้าอย่างน้อย 20%YoY หลังมีการขยายพื้นที่เช่าเพิ่มจากปีก่อน (มีพื้นที่เช่า 3.04 แสนตร.ม. ซึ่งมีอัตราเช่าเต็ม 100% แล้ว) โดยปีนี้บริษัทมีแผนเพิ่มคลังสินค้าให้เช่าอีกอย่างน้อย 5.2 หมื่น ตร.ม. ได้แก่ 1) บางกะดี ปทุมธานี 3 หมื่นตร.ม. ซึ่งเริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่ ม.ค. 68 โดยมีลูกค้าทำสัญญาเช่าระยะยาว 10 ปีแล้ว และ 2) แหลมฉบัง ชลบุรี 2.3 หมื่น ตร.ม. ซึ่งยังอยู่ระหว่างรอกรมศุลกากรอนุมัติใบอนุญาตให้เป็นเขตปลอดอากร ซึ่งคาดจะหาลูกค้าและเริ่มเปิดให้บริการได้ในช่วง มี.ค. นี้
• เราคาด 1Q68 กำไรจะหดตัว QoQ และ YoY ตามผลฤดูกาล และยังถูกกดดันจากการชะลอตัวของรายได้ในธุรกิจให้บริการท่าเทียบเรือส่งออก หลังประเทศคู่ค้ามีกำลังซื้อชะลอตัว และมีการแข่งขันรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะจากการส่งออกรถไฟฟ้าของจีนไปทั่วโลก ขณะที่การนำเข้ารถไฟฟ้าจากจีนเริ่มชะลอตัวจากเศรษฐกิจไทยที่ซบเซา ซึ่งย่อมกดดันต่อปริมาณรถยนต์ผ่านท่าของ NYT อีกทั้งต้องรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนฯ ในกิจการร่วมค้า Nampec ซึ่งเพิ่งเริ่มต้นธุรกิจจัดการขนส่ง โดยทั้งปี 2568 เรายังคงคาด NYT จะมีกำไรสุทธิ 470 ลบ. หดตัว 6%YoY โดยแม้รายได้ให้เช่าคลังสินค้าจะเพิ่มขึ้นหลังขยายพื้นที่เช่า แต่คาดไม่พอชดเชยการหดตัวของรายได้ในธุรกิจท่าเทียบเรือได้
• ความเสี่ยงสำคัญ : สัญญาสัมปทานท่าเรือ A5 (รายได้หลัก 80%) จะหมดอายุ 30 เม.ย. 69 ซึ่งต้องประมูลใหม่กับ กทท. (คาดเปิดประมูลปี 2568 และมองบริษัทยังมีโอกาสชนะประมูลจากประสบการณ์บริหารจัดการท่าเรือที่มีกว่า 30 ปี), ปัญหาขาดแคลนชิปส่งผลต่อห่วงโซ่อุปทาน, ศก. คู่ค้าชะลอ, ธุรกิจเรือซีฮอร์สเฟอร์รี่ยังประสบผลขาดทุนและมีความเสี่ยง write-off ส่วนความเสี่ยงด้าน ESG ที่สำคัญ คือ การจัดการด้านความปลอดภัยและการรักษาความปลอดภัย (S)