สรุปสาระสำคัญ
เรามอง TNP เป็นหนึ่งในหุ้นที่จะได้อานิสงส์บวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ อีกทั้งราคาหุ้นยังมี Upside 33% จากราคาเป้าหมายปี 2568 ที่หุ้นละ 4.50 บาท (อิงค่าเฉลี่ย PER อัพเดตย้อนหลัง 3 ปีที่ 18x) และคาดมีเงินปันผลจ่ายจากกำไรปี 2567 หุ้นละ 0.10 บาท คิดเป็น Yield ปีละ 3% กลยุทธ์ลงทุนจึงคงแนะนำ “ซื้อ” โดยเทคนิคมีแนวรับ 3.30/3.22 บาท และแนวต้าน 3.52/3.60 บาท
ก่อนไปคิดอะไร
-
- บริษัทมองผลการดำเนินงานช่วงที่เหลือของปีนี้อย่างไรและมีแผนปรับเป้าหมายยอดขายปีนี้หรือไม่ หลัง 3Q67 TNP มีกำไรสุทธิ 47 ลบ. ดีกว่าตลาดคาด โดยเพิ่มขึ้น 41%YoY และ 12%QoQ ปัจจัยหนุนจาก 1) ยอดขายรวมเพิ่มขึ้น 12%YoY และ 8%QoQ เนื่องจากยอดขายสาขาเดิมเติบโต 1.4%YoY และ 2%QoQ หลังสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดในเชียงรายทำให้มีลูกค้าเดินทางมาจับจ่ายซื้อสินค้าจำเป็นเพื่อดำรงชีพมากขึ้น อีกทั้งยังได้รับอานิสงส์จากมาตรการแจกเงินสดหมื่นบาทให้แก่กลุ่มเปราะบางในช่วงปลาย ก.ย. และจากการรับรู้ยอดขายจากสาขาใหม่ที่มีเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 3 แห่ง (3Q67 มีเปิดสาขาใหม่ 1 แห่ง) และ 2) อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 17.3% จาก 16.3% ใน 3Q66 และ 17.2% ใน 2Q67 ส่วน SG&A/Sales ลดลงเป็น 9.9% จาก 10.2% ใน 3Q66 และ 10.3% ใน 2Q67 หลังเกิดผลประหยัดต่อขนาดจากมีสาขาเพิ่มขึ้นและคุมค่าใช้จ่ายได้มีประสิทธิภาพ
หลังไปได้อะไร
- TNP ตั้งเป้ายอดขายปี 2567 เติบโตราว 10-12%YoY ปัจจัยขับเคลื่อนจากการรับรู้ยอดขายสาขาใหม่ที่มีแผนเปิดเพิ่มราวปีละ 5 สาขา โดย 9M67 บริษัทได้เปิดสาขาใหม่ไปแล้ว 2 แห่ง และ 4Q67 จะเปิดสาขาใหม่อีก 3 แห่ง (2 แห่งในเชียงราย และ 1 แห่งในพะเยา) ซึ่งจะทำให้สิ้นปี 2567 TNP มีสาขา 51 แห่ง จากสิ้นปี 2566 ที่มี 45 แห่ง อีกทั้งจากยอดขายสาขาเดิมปีนี้คาดจะเห็นการเติบโตราว 2%YoY ตามกำลังซื้อของผู้บริโภคในจังหวัดเชียงรายที่ยังค่อนข้างแข็งแกร่งและการฟื้นตัวของตลาดนักท่องเที่ยว ขณะที่มาตรการแจกเงินหมื่นบาทให้แก่กลุ่มเปราะบางแม้คาดได้อานิสงส์บวกไม่มากนักเพราะลูกค้าสามารถนำเงินสดไปใช้ได้หลายช่องทาง แต่ยังหวังว่าภาครัฐจะมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นบรรยากาศจับจ่ายใช้สอยในช่วงปลายปี
ความเห็นและกลยุทธ์การลงทุน
- กำไรสุทธิ 9M67 คิดเป็น 78% ของประมาณการทั้งปีซึ่งสูงเกินไป จากยอดขายและการบริหารต้นทุนที่ดีกว่าคาด บวกกับ 4Q67 คาดกำไรจะทำสถิติจุดสูงสุดของปีนี้ โดยเติบโตทั้ง YoY และ QoQ เพราะเข้าสู่ High Season ของการจับจ่ายใช้สอยในเทศกาลสำคัญต่างๆ อีกทั้งตลาดท่องเที่ยวในเชียงรายเริ่มฟื้นตัว และยังจะรับรู้ยอดขายสาขาใหม่ที่มีเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ดังนั้นเราจึงขอปรับเพิ่มประมาณการกำไร โดยภายใต้ประมาณการใหม่คาดปี 2567 TNP มีกำไรสุทธิ 186 ลบ. เติบโต 19%YoY และเติบโตต่อ 8%YoY ในปี 2568 ตามการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม การรับรู้ยอดขายสาขาใหม่ อีกทั้งเกิดผลประหยัดต่อขนาดจากมีจำนวนสาขาเพิ่มขึ้นและคุมค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้น
- เรามอง TNP เป็นหนึ่งในหุ้นที่จะได้อานิสงส์บวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ของรัฐบาลที่จะออกมาเพิ่มและเป็นหุ้นค้าปลีกขนาดเล็กที่มีศักยภาพเติบโตได้ในระยะยาว อีกทั้งราคาหุ้นยังมี Upside 33% จากราคาเป้าหมายปี 2568 ที่หุ้นละ 4.50 บาท (อิงค่าเฉลี่ย PER อัพเดตย้อนหลัง 3 ปีที่ 18x) และคาดมีเงินปันผลจ่ายจากกำไรปี 2567 หุ้นละ 0.10 บาท คิดเป็น Yield ปีละ 3% กลยุทธ์ลงทุนจึงคงแนะนำ “ซื้อ” โดยเทคนิคมีแนวรับ 3.30/3.22 บาท และแนวต้าน 3.52/3.60 บาท
- ความเสี่ยงสำคัญ คือ ภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อแย่กว่าคาด, แผนขยายสาขาต่ำกว่าคาด ส่วนความเสี่ยงด้าน ESG ที่สำคัญ คือ ความปลอดภัยและการรักษาข้อมูลการรักษาของลูกค้าที่มาใช้บริการ (S) รวมทั้งการมีผู้ถือหุ้นใหญ่ถือหุ้นของบริษัทเกิน 50% (G)