ก่อนไปคิดอะไร
- KCE ประกาศกำไรสุทธิ 1Q66 ที่ 345 ล้านบาท ต่ำกว่าตลาดคาด 18% โดยกำไรสุทธิ 1Q66 ลดลง 31% QoQ และ 42% YoY เนื่องจากผลกระทบความผันผวนของค่าเงินบาทต่อดอลล่าร์สหรัฐฯ โดยยอดขายในรูปสกุลเงินดอลล่าร์ลดลง 6.9% QoQ (-13% ในรูปสกุลเงินบาท) ขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบหลักอย่างทองแดงมีการสต็อคไว้ในช่วงค่าเงินบาทอ่อนในช่วงปลายปี 65 ขณะที่ค่าเงินบาทเริ่มแข็งค่าในช่วง 1Q66 ดังนั้นเลยดูเหมือนว่า KCE ซื้อวัตถุติบในราคาแพง ซึ่งกระทบต่อ Gross margin โดยรวม ใน 1Q66 เหลือเพียง 19.6% จาก 21.1% ใน 4Q65
หลังไปได้อะไร
- ผู้บริหาร KCE คาดว่า 2Q66 ยอดขายจะ Flat QoQ โดยคาดว่าจะเริ่มเห็นยอดขายเริ่มเพิ่มขึ้นได้ในช่วงปลาย 2Q66 ถึงต้น 3Q66 เนื่องจาก Demand ของฝั่ง Europe และ US เพิ่มขึ้น แต่ Demand ในฝั่งจีนยังค่อนข้าง Soft จากการ destock โดยคาดว่า U-rate ใน 2Q66 อยู่ระดับ 79% ทรงตัว QoQ ส่วน Gross margin คาดว่าจะ improve ขึ้นเล็กน้อยอยู่ระหว่าง 20-21% ใน 2Q66 เทียบกับ 19.6% ใน 1Q66 จากraw material ที่ลดลงเป็นหลัก ส่วนค่าไฟอาจจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
- กลยุทธ์หลัก ยังคงปรับเปลี่ยนสายการผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ Special grade PCB (HDI, 30% ของยอดขายรวม) ที่มี Margin สูงมากขึ้นขึ้น ซึ่ง HDI เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในพวก Break system ในรถยนต์ EV และผลิตภัณฑ์ Radar/Lidar เป็นต้น โดยปัจจุบันมี เครื่อง Laser drill สำหรับใช้กับการผลิต HDI อยู่ 11 เครื่อง ซึ่งผลิตเต็มกำลัง และยังมี Demand ที่ค่อนข้างสูง โดยจะมีการเพิ่มเครื่อง Laser Drill เข้าไปอีก 2 เครื่องใน 2Q66 และอีก 2 เครื่องใน 3Q66 ซึ่งจะสามารถเพิ่ม Capacity ของ HDI ได้อีก 300,000-400,000 ตารางฟุตต่อไตรมาส หากติดตั้งทั้งหมด 4 เครื่อง ซึ่งจะช่วยทำให้ overall sale และ Gross margin เพิ่มขึ้นได้ใน 2H66 ส่วนโรงงานใหม่ที่โรจนะ อาจจะมีการเลื่อนการผลิตเชิงพาณิชย์ไปเบื้องต้นเป็น 4Q67 จากเดิมที่มีแผนว่าจะเริ่มเปิดเชิงพาณิชย์ ในช่วงกลางปีหน้า โดยอาจจะยังคงรอ Test ตลาดรอดู Demand ผลิตภัณฑ์ระยะหนึ่ง
ความเห็นและกลยุทธ์การลงทุน
- เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ KCE ในระยะกลางถึงยาว โดยจุดเด่นของ KCE คือเป็นผู้ผลิตแผงวงจรรายใหญ่ TOP10 ของโลก ให้กับผู้ผลิตรถยนต์โดยเฉพาะในประเทศยุโรป และสหรัฐฯ ซึ่งจะได้รับผลบวกจากปริมาณความต้องการแผงวงจรในรถยนต์เพิ่มขึ้น ทั้งนี้จากตัวเลขล่าสุดยอดขายรถยนต์ในทวีปยุโรป (47% ของยอดขาย PCB ของ KCE) ที่มียอดขายเติบโต 5% YoY มาที่ 3.24 ล้านคัน ใน 1Q66 ตามด้วย US (21% ของยอดขาย PCB ของ KCE) ที่มียอดขายรถยนต์เติบโต 8.1% YoY มาที่ 3.56 ล้านคัน หักลบกับยอดขายรถยนต์ในจีน (12% ของยอดขาย PCB ของ KCE) ที่ลดลง 6.9% YoY มาที่ 5.08 ล้านคัน ใน 1Q66 นอกจากนี้เรายังมองว่าประเด็นค่าไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นมาเป็นสัดส่วน 9.7% ของต้นทุนรวม ใน 1Q66 จาก 6.7% ใน 4Q65 จะเริ่มคลี่คลาย หลังราคาน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติเริ่มกลับมาสู่ระดับปกติแล้ว
- ความเสี่ยง เศรษฐกิจโลกถดถอยรุนแรงมากขึ้น และประเด็นภูมิรัฐศาสตร์ที่รุนแรงมากขึ้น จะส่งผลกระทบต่อปริมาณความต้องการแผงวงจร PCB โดยรวม และต้นทุนวัตถุดิบ
- ราคาหุ้น KCE ปรับฐานลงมา (60% จาก Peak ช่วงปลายปี 2564) สะท้อนปัจจัยลบไปค่อนข้างมากแล้ว เราแนะนำให้ทยอยสะสม เพื่อรอการฟื้นตัวของผลประกอบการตั้งแต่ 2H66 เป็นต้นไป เราให้ราคาเป้าหมายปี 2566 ที่ฐาน PER ที่ 30 เท่าซึ่งเท่ากับ mean ในรอบ 5 ปีของ KCE ได้ราคาเป้าหมาย 61.00 บาทต่อหุ้น
PDF คลิกอ่านเพิ่มเติม KCE_Stock Note 230511_T