Stock Note

Wealth Stock Note – SFT

28 Feb 23 9:00 AM
StockNote-20240911150153

ก่อนไปคิดอะไร

ปี 2566 มีเป้าหมายเติบโตอย่างไร หลัง 4Q65 SFT มีกำไรสุทธิ 0.08 ลบ. หดตัวเกือบ 100% YoY โดยแม้ยอดขายโต 13%YoY จากคำสั่งผลิตที่เพิ่มขึ้นของลูกค้ากลุ่มเครื่องดื่มและยา รวมทั้งมีการปรับขึ้นราคาขายบางส่วน แต่ถูกหักล้างด้วยอัตรากำไรขั้นต้นที่หดตัวเป็น 15.7% จาก 8% ใน 4Q64 หลังต้นทุนพลาสติกสูงขึ้นตามราคาน้ำมันและบาทอ่อนค่า อีกทั้ง SG&A ยังสูงขึ้น 4.4%YoY หลังมีค่าย้ายเครื่องจักรและค่าแรงเพิ่มขึ้นตามจำนวนพนักงาน ทำให้ปี 2565 มีกำไรสุทธิเพียง 63 ลบ. หดตัว 44%YoY ต่ำกว่าเราและตลาดคาด

หลังไปได้อะไร

ผู้บริหาร SFT ตั้งเป้าปี 2566 มียอดขายแตะ 1 พันลบ. แรงหนุนหลักจะมาจากการขยายฐานลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น โดยปีนี้บริษัทมีไปออกงานแสดงสินค้าอย่างน้อย 4 งาน ซึ่งคาดจะช่วยหนุนคำสั่งผลิตฉลากให้ยังเติบโตได้ดี อีกทั้งยังจะมีการรับรู้ผลบวกจากการปรับขึ้นราคาขายและยอดขายของสินค้าใหม่อย่างบรรจุภัณฑ์ชนิดอ่อน (Green Shirk) ซึ่งยังมีคู่แข่งในตลาดไม่มากและจะตอบโจทย์แก่ลูกค้าเก่ากลุ่มอาหารและสินค้าในครัวเรือนที่คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้ ทั้งนี้ปีนี้บริษัทตั้งเป้ายอดขายบรรจุภัณฑ์ชนิดอ่อนไว้ที่ 80 ลบ.

ด้านต้นทุนวัตถุดิบคาดจะปรับลงชัดเจนตั้งแต่ปลาย มี.ค. 66 หลังช่วงต้นปีค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นและราคาน้ำมันปรับลง ซึ่งทำให้ราคาวัตถุดิบลดลงจาก 2H65 อีกทั้งยังติดตั้ง Solar Rooftop (600KW) เพื่อลดค่าไฟฟ้า 20-30%YoY ซึ่งคาดเริ่มเห็นผลตั้งแต่ เม.ย. 66 ทั้งนี้บริษัทยังเน้นบริหารต้นทุนเพื่อให้ได้ Net Margin ไม่ต่ำกว่า 10%

ความเห็นและกลยุทธ์การลงทุน

แม้ปี 2566 คาด SFT จะมียอดขายเติบโตดี YoY จากมีคำสั่งผลิตฉลากเพิ่มขึ้นตามกิจกรรมเศรษฐกิจที่ดีขึ้น อีกทั้งรับรู้ผลบวกจากปรับขึ้นราคาขายและยอดขายสินค้าใหม่อย่างบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อนซึ่งเป็น green packaging ที่ตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน (ESG) แต่ด้วยสต็อกต้นทุนวัตถุดิบหลัก (PET, PVC) ที่คาดยังกดดันกำไร 1Q66 ให้อ่อนแอ YoY ซึ่งแย่กว่าที่คาดไว้เดิมว่าจะเริ่มเห็นการฟื้นตัวของกำไรตั้งแต่ 1Q66 เพื่อยึดหลักระมัดระวัง เราจึงปรับลดประมาณการกำไรลง 25% อย่างไรก็ดีภายใต้ประมาณการใหม่คาดปี 2566 SFT จะมีกำไรสุทธิ 86 ลบ. ยังพลิกเติบโต 36%YoY

แม้ช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้น SFT จะปรับลงสะท้อนกำไรปี 2565 ที่แย่กว่าคาดจากต้นทุนที่สูงขึ้นแล้ว ขณะที่ปี 2566 คาดกำไรพลิกโต YoY ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและฐานปีก่อนที่ต่ำ แต่ 1Q66 กำไรยังไม่สดใสและราคาหุ้นมี Upside จำกัดจากกรอบราคาเป้าหมายใหม่ปี 2566 ที่หุ้นละ 4.90-5.10 บาท (อิงค่าเฉลี่ย PER กลุ่ม Packaging ล่าสุดที่ 25-26 เท่า) ช่วงสั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงปรับลดคำแนะนำเป็น “ถือ” เพื่อรับปันผลและรอดูการฟื้นตัวที่ชัดเจนก่อน โดยบริษัทแจ้งจ่ายปันผลจากกำไรปี 65 หุ้นละ 07 บาท (XD 8 มี.ค.) คิดเป็น Div. Yield 1.4%

ความเสี่ยงสำคัญ คือ ต้นทุนวัตถุดิบ (PVC, PET) สูงขึ้น และบาทอ่อนกดดันศักยภาพทำกำไร

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5