
งบมีการเติบโตที่ชะลอตัวลงจากสงครามราคาที่ดุเดือด...อย่างไรก็ดีภาพยอดขายยังคงดูดีสุดในกลุ่ม EV - BYD เผยงบ 2Q23 โดยรายได้โต 67%YoY ด้านกำไรเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 3.7 หยวนต่อหุ้นซึ่งเป็นระดับที่มากกว่าปีก่อนกว่าสองเท่า โดยปีก่อนกำไรอยู่ที่ราว 1.2 หยวนต่อหุ้นเท่านั้น หนุนจากปริมาณการขายรถ EV ที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากมีการปรับลดราคาลงเพื่อดึงดูดผู้บริโภคในช่วงเศรษฐกิจซบเซา
มุมมองของ InnovestX - เรามองว่าภาพงบที่ออกมาไม่ได้เลวร้าย ถึงแม้การเติบโตจะชะลอตัวลงในรอบปีซึ่งเรามองว่าเป็นผลมาจาก 1) การแข่งขันที่เพิ่มขึ้นโดยในเฉพาะสงครามการลดราคาขายในอุตฯที่ดุเดือดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา 2) เศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงส่งผลให้ความต้องการผู้บริโภคยังคงซบเซา แต่อย่างไรก็ดีถ้าหากดูภาพรวมของงบเรามองว่าตัวเลขที่ออกมายังคงเติบโตได้ดีซึ่งหากเทียบ Peers ถือได้ว่า BYD ยังคงมียอดขายใน 2Q23 ที่แกร่งและเติบโตโดดเด่นที่สุดในกลุ่มโดยมียอดขายรถ EV รวมนำ Tesla ราว 100,000 กว่าคันและเป็นผู้นำตลาดเหนือ Volkswagen AG แบรนด์รถยนต์ที่มียอดขายที่ดีที่สุดในจีนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นอกนั้น Gross Margin ยังเติบโตเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 18.7 ซึ่งถือว่าดูดีกว่า Tesla ที่ 18.2 เช่นกัน
- ในช่วงที่เหลือของปี FY23 เรามองว่า BYD ยังคงมีแรงกดดันจากภาพการแข่งขันที่สูงในอุตสาหกรรม EV ทั้งจากความสามารถคู่แข่งที่เพิ่มขึ้น รวมถึงสงครามราคาที่หลายบริษัทยังคงมีแนวโน้มปรับลดราคาขายรถลงอยู่เพื่อดึงดูดความต้องการผู้บริโภคในช่วงที่เศรษฐกิจซบเซา ทำให้เราคาดว่าการเติบโตของ BYD ได้รับผลกระทบแน่นอน แต่มองว่าผลกระทบดังกล่าวจะค่อนข้างจำกัดเมื่อเทียบ Peer อื่นหลังเป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่มีเสถียรภาพ สถานะการเงินดี และมีความสามารถทางการดำเนินงาน นอกจากนี้บริษัทยังมีการเปิดตัวแบรนด์รถยนต์หรูในเครือ Yangwang และ Fang Cheng Bao ซึ่งทำให้ BYD สามารถตั้งราคาขาย EV ภายใต้แบรนด์ดังกล่าวในราคาที่สูงขึ้นได้โดยคาดสามารถขาย EV ได้ในราคา 1 ล้านหยวนซึ่งเป็นระดับที่มากกว่าต้นทุนของรถยนต์ Hi-End บางรุ่นเกือบสองเท่าตัว ด้วยภาพนี้ทำให้เรามองว่าในระยะถัดไปแบรนด์ Hi-End ใหม่นี้จะช่วยหนุนมาร์จิ้นให้เพิ่มขึ้นได้
- มุมมองในระยะยาว เรายังคงชอบ BYD ทั้งจาก 1) มีพื้นฐานที่แกร่งจากความสามารถทางการเงินและแนวโน้มกำไรที่ดี 2) มีความสามารถการแข่งขันที่ดี โดยมีการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ มีซัพพลายเชนที่ครบวงจร ทำให้ลดความเสี่ยงในการพึ่งพา Outsource หรือ Third Party 3) มีแผนธุรกิจชัดเจนตั้งแต่ในส่วนการลดต้นทุน ไปจนการขยายตลาด มองช่วยหนุนอัตรากำไรให้โตดีในอนาคต 4) BYD อยู่ในกลุ่มรถยนต์ EV ซึ่งเป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมเกิดใหม่ที่ได้รับประโยชน์และการสนับสนุนจากทางการจีนต่อเนื่อง
- ในส่วนของมุมมองการลงทุนในระยะสั้น เรามองว่า BYD ยังคงมีแรงกดดันจาก 1) ราคาหุ้นมีทิศทางผันผวนกดดันจากภาพเศรษฐกิจจีนที่ฟื้นตัวช้ากว่าคาด 2) สงครามราคาในอุตฯ EV ที่เราไม่สามารถตอบได้ว่าจะจบลงเมื่อใด แต่อย่างไรก็ดีด้วยภาพมูลค่าหุ้นในปัจจุบันที่ค่อนข้างน่าสนใจ โดย PE อยู่ที่ระดับ 26.7 ซึ่งถือว่าต่ำกว่าระดับค่าเฉลี่ย 5 ปีที่ระดับ 56.1 ประกอบกับงบที่ภาพรวมเติบโตโดดเด่นสุดในกลุ่ม จึงทำให้เรามองว่าสำหรับใครที่สนใจลงทุน BYD เรามองว่ายังคงสามารถทำได้หากรับความเสี่ยงดังกล่าวได้ แต่ถ้าหากใครที่ไม่สามารถรับความเสี่ยงได้ เราแนะรอจังหวะลงทุนในช่วงที่สงครามราคาหยุดลงซึ่งจะทำให้หุ้นมีความผันผวนลดลงและพลิกกลับมาเติบโตต่อได้ ด้าน Bloomberg ให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 361 HKD ซึ่งมี Upside 52% จากราคาปัจจุบัน
|
PDF คลิกอ่านเพิ่มเติม BYD_Offshore Stock 230830_T