เนื้อหาโดยรวม
แรงกดดันจากกฎระเบียบที่มีต่อ credit cost และ NIM ทำให้เราคาดว่ากำไร 4QFY66 และปี FY2567 ของ AEONTS จะอยู่ในระดับที่ค่อนข้างทรงตัว ดังนั้นเราจึงคงคำแนะนำ NEUTRAL สำหรับ AEONTS และปรับราคาเป้าหมายลดลงเล็กน้อยจาก 164 บาท สู่ 163 บาท แม้ว่าราคาหุ้นปรับตัวลดลงมาแล้วราว 40% ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา พรีวิวผลประกอบการ 4QFY66 เราคาดว่ากำไร 4QFY66 (ธ.ค.-ก.พ.) จะอยู่ในระดับที่ค่อนข้างทรงตัวทั้ง YoY และ QoQ ที่ 700 ลบ. ทั้งนี้เมื่อเทียบ QoQ เราคาดว่า: 1) credit cost จะเพิ่มขึ้น 7 bps (-21 bps YoY) เนื่องจากสินเชื่อ stage 2 มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอันเป็นผลมาจากการทยอยปรับเพิ่มอัตราผ่อนชำระขั้นต่ำสำหรับบัตรเครดิตจาก 5% ในปี 2566 สู่ 8% ในปี 2567 2) สินเชื่อจะเติบโต 2% (+2% YoY) โดยได้รับการสนับสนุนจากโครงการ Easy E-receipt ของรัฐบาล (มีผลบังคับใช้ 1 ม.ค.-15 ก.พ.) 3) NIM จะลดลง 15 bps (-56 bps YoY) จากต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น 4) non-NII จะเพิ่มขึ้น 17% (+15% YoY) จากรายได้ค่านายหน้าประกันภัยและหนี้สูญได้รับคืน และ 5) อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้จะเพิ่มขึ้น 52 bps (+85 bps YoY) Credit cost ได้รับแรงกดดันจากกฎระเบียบที่เข้มงวดมากขึ้น สำหรับปี FY2567 และปี FY2568 เราคาดว่า credit cost จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เพราะได้รับแรงกดดันจากการทยอยปรับเพิ่มอัตราผ่อนชำระขั้นต่ำสำหรับบัตรเครดิตจาก 5% ในปี 2566 สู่ 8% ในปี 2567 และ 10% ในปี 2568 AEONTS กล่าวว่ามีการตั้งสำรอง management overlay ~200 ลบ. เพื่อรองรับการทยอยปรับเพิ่มอัตราผ่อนชำระขั้นต่ำสำหรับบัตรเครดิต เราคาดการณ์ว่า credit cost จะเพิ่มขึ้นปีละ 5 bps ในปี FY2567 และปี FY2568 NIM จะหดตัวลง ในปี FY2567 เราคาดว่า NIM จะได้รับแรงกดดันจากต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้นและมาตรการแก้หนี้เรื้อรังของธปท. (PD, หนี้ที่มีการจ่ายดอกเบี้ยมากกว่าเงินต้นนาน 5 ปี) สำหรับลูกหนี้ที่มีรายได้ไม่เกิน 10,000 บาทต่อเดือนสำหรับนอนแบงก์ โดยตั้งแต่เดือนเม.ย. 2567 เป็นต้นไป ลูกหนี้ที่เข้าร่วมมาตรการ PD จะได้รับทางเลือกในการเปลี่ยนสินเชื่อหมุนเวียนมาเป็นแบบมีระยะเวลา (term loan) และคิดอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 15% ต่อปี (เทียบกับอัตราเพดาน 25%) โดยกำหนดให้การผ่อนชำระปิดจบภายใน 5 ปี AEONTS มีสินเชื่อที่ปล่อยให้กับลูกหนี้ที่มีรายได้ไม่เกิน 10,000 บาทต่อเดือนในสัดส่วน ~5% เราคำนวณได้ว่ามาตรการนี้จะส่งผลกระทบต่อ NIM ราว 25 bps โดยใช้สมมติฐานว่ามีการนำมาตรการ PD มาใช้กับสินเชื่อ 2.5% ของ AEONTS เราคาดว่า NIM จะลดลง 31 bps ในปี FY2567 ปรับประมาณการกำไรปี FY2566 ลดลง และคาดว่ากำไรปี FY2567 จะเติบโตในระดับต่ำ เราปรับประมาณการกำไรปี FY2566 ลดลง 5% เนื่องจากเราปรับประมาณการกำไรจาก NPL ลดลงจาก 350 ลบ. สู่ 170 ลบ. เพราะไม่มีการขาย NPL ใน 4QFY66 เราคาดการณ์ว่ากำไรปี FY2566 จะลดลง 25% โดยเกิดจากสินเชื่อที่เติบโต 2%, NIM ที่ลดลง 96 bps, credit cost ที่เพิ่มขึ้น 57 bps, non-NII ในระดับทรงตัว และอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ที่เพิ่มขึ้น 196 bps แรงกดดันจากกฎระเบียบที่มีต่อ NIM และ credit cost ทำให้เราคาดว่ากำไรปี FY2567 จะเติบโตเพียงเล็กน้อยที่ 2% คงคำแนะนำ NEUTRAL และปรับราคาเป้าหมายลดลงเล็กน้อย เรายังคงคำแนะนำ NEUTRAL สำหรับ AEONTS และปรับราคาเป้าหมายลดลงเล็กน้อยจาก 164 บาท สู่ 163 บาท (PBV 1.55 เท่า โดยอิงกับ ROE ระยะยาวที่ 12% cost of equity ที่ 8.85% และการเติบโตระยะยาวที่ 2.5%) ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ: 1) ความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ไม่ทั่วถึง 2) ความเสี่ยงด้าน NIM จากอัตราดอกเบี้ยและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่สูงขึ้น และ 3) ความเสี่ยงด้านกฎระเบียบจากมาตรการลดหนี้ครัวเรือนของธปท. | |||
ท่านสามารถอ่านและดาวน์โหลดเอกสารได้จาก AEONTS240327_T
|