AOT รายงานกำไรสุทธิ 343 ลบ. ใน 1QFY66 (ต.ค.-ธ.ค. 2565) และหากตัดรายการพิเศษออกไป กำไรปกติอยู่ที่ 436 ลบ. ซึ่งเป็นการพลิกกลับมามีกำไรครั้งแรกหลังจากขาดทุนติดต่อกัน 10 ไตรมาส ผลประกอบการออกมาดีกว่าที่เราและ consensus คาด หลักๆ เกิดจากค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการเช่าที่ราชพัสดุที่ลดลง ในขณะที่รายได้แข็งแกร่งตามคาด AOT จะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวไทย และจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศและกำไรที่เร่งตัวขึ้นจะช่วยสนับสนุนราคาหุ้น เรายังคงเรทติ้ง OUTPERFORM สำหรับ AOT ด้วยราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 อ้างอิงวิธี DCF ที่ 82 บาท/หุ้น
AOT รายงานกำไรสุทธิ 343 ลบ. ใน 1QFY66 (ต.ค.-ธ.ค. 2565) และหากตัดรายการพิเศษออกไป กำไรปกติอยู่ที่ 436 ลบ. ซึ่งเป็นการพลิกกลับมามีกำไรครั้งแรกหลังจากขาดทุนติดต่อกัน 10 ไตรมาส ผลประกอบการออกมาดีกว่าที่เราและ consensus คาด หลักๆ เกิดจากค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการเช่าที่ราชพัสดุที่ลดลง ในขณะที่รายได้แข็งแกร่งตามคาด AOT จะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวไทย และจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศและกำไรที่เร่งตัวขึ้นจะช่วยสนับสนุนราคาหุ้น เรายังคงเรทติ้ง OUTPERFORM สำหรับ AOT ด้วยราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 อ้างอิงวิธี DCF ที่ 82 บาท/หุ้น
1QFY66: พลิกกลับมามีกำไรหลังจากขาดทุนติดต่อกัน 10 ไตรมาส AOT รายงานกำไรสุทธิ 343 ลบ. ใน 1QFY66 (ต.ค.-ธ.ค. 2565) และหากตัดรายการพิเศษออกไป กำไรปกติอยู่ที่ 436 ลบ. ซึ่งเป็นการพลิกกลับมามีกำไรครั้งแรกหลังจากขาดทุนติดต่อกัน 10 ไตรมาส ผลประกอบการออกมาดีกว่าที่เราคาด (300 ลบ.) และ consensus คาด (184 ลบ.) หลักๆ เกิดจากค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการเช่าที่ราชพัสดุที่ลดลง ในขณะที่รายได้แข็งแกร่งตามคาด
รายการที่สำคัญ
· ใน 1QFY66 AOT รายงานจำนวนผู้โดยสารทั้งหมด 23 ล้านคน (+33% QoQ, 63% ของระดับก่อนเกิดโควิด-19) ซึ่งประกอบด้วยผู้โดยสารภายในประเทศ 12 ล้านคน (+21% QoQ, 83% ของระดับก่อนเกิดโควิด-19) และผู้โดยสารระหว่างประเทศ 11 ล้านคน (+47% QoQ, 49% ของระดับก่อนเกิดโควิด-19)
· รายได้อยู่ที่ 8.8 พันลบ. ใน 1QFY66 เพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 2.3 พันลบ. ใน 1QFY65 และเพิ่มขึ้น 35% QoQ รายได้ค่าบริการผู้โดยสาร (41% ของรายได้) เพิ่มขึ้น 44% QoQ สู่ 3.6 พันลบ. และรายได้ส่วนแบ่งผลประโยชน์ (26% ของรายได้) เพิ่มขึ้น 32% QoQ สู่ 2.3 พันลบ.
· ในด้านต้นทุน ค่าสาธารณูปโภคและค่าจ้างภายนอกเพิ่มขึ้นตามรายได้ที่สูงขึ้น อย่างไรก็ดี ค่าเช่าที่ราชพัสดุอยู่ในระดับต่ำที่ 0.1 ลบ. เทียบกับค่าเฉลี่ยในปี FY2565 ที่ 73 ลบ./ไตรมาส เราจะอัพเดทประเด็นนี้หลังการประชุมนักวิเคราะห์วันที่ 13 ก.พ.
จำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศและกำไรจะเร่งตัวขึ้น เราคาดว่ากำไรปกติของ AOT จะเติบโต YoY และ QoQ ใน 2QFY66 (ม.ค.-มี.ค. 2566) โดยได้รับการสนับสนุนจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวไทย โดยนักท่องเที่ยวจากจีนที่หลั่งไหลเข้ามาจะส่งผลทำให้จำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้น; จำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศของ AOT เพิ่มขึ้น 4% MoM ในเดือนม.ค. สู่ 57% ของระดับก่อนเกิดโควิด-19 กำไรจะแข็งแกร่งขึ้นใน 3QFY66 (เม.ย.-มิ.ย. 2566) หลังจากมาตรการช่วยเหลือสายการบินและผู้ประกอบการเชิงพาณิชย์สิ้นสุดลงในวันที่ 31 มี.ค. และ AOT กลับมาเก็บค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำต่อผู้โดยสาร เรายังคงประมาณการของเราไว้ว่าผลประกอบการของ AOT จะฟื้นตัวกลับมามีกำไรปกติ 1.5 หมื่นลบ. ในปี FY2566 และหลังจากนั้นจะเพิ่มขึ้นก้าวกระโดดสู่ 2.7 หมื่นลบ. ในปี FY2567 โดยอิงกับสมมติฐานจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศ 54 ล้านคนในปี FY2566 และ 76 ล้านคนในปี FY2567 (จาก 13.9 ล้านคนในปี FY2565)
ปัจจัยเสี่ยง คือ เหตุการณ์ที่คาดเดาไม่ได้ เช่น การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งจะทำให้ความต้องการเดินทางลดลง