DIF รายงานกำไรปกติ 4Q65 จำนวน 3 พันลบ. ทรงตัว QoQ แต่ลดลง 2.7% YoY เรายังคงประมาณกำไรปกติปี 2566 ไว้ไม่เปลี่ยนแปลง ทั้งนี้เงินปันผลที่นักลงทุนรายย่อยได้รับในปี 2566 จะถูกหักภาษี 10% ซึ่งจะทำให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสุทธิดูน่าสนใจน้อยลง สิ่งสำคัญที่ต้องจับตาในปี 2567 คือ การต่อสัญญาเช่าจาก DTAC เรายังคงเรทติ้ง UNDERPERFORM สำหรับ DIF ด้วยราคาเป้าหมาย 19 บาท ราคาเป้าหมายของเราอิงกับสมมติฐานที่ว่า TRUEE จะต่อสัญญาเช่าเมื่อสัญญาหมดอายุ และใช้ terminal value ที่มีการเติบโตระยะยาว 0% ทั้งนี้ราคาเป้าหมายของเราจะอยู่ที่ 12 บาท/หน่วย หากเราใช้สมมติฐานว่าไม่มี terminal value และ TRUEE ไม่ต่อสัญญาที่มีอยู่กับ DIF
ผลประกอบการ 4Q65 เป็นไปตามคาด DIF รายงานขาดทุนสุทธิ 1.2 พันลบ. ใน 4Q65 เทียบกับกำไร 2.8 พันลบ. ใน 3Q65 และ 4.0 พันลบ. ใน 4Q64 DIF บันทึกขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจากเงินลงทุน (รายการที่ไม่ใช่เงินสด) จำนวน 4.2 พันลบ. ใน 4Q65 จากอัตราคิดลดที่สูงขึ้นสำหรับเงินลงทุน (เสาโทรคมนาคมและ FOC) หากตัดรายการนี้ออกไป พบว่ากองทุนมีกำไรปกติ 3 พันลบ. ค่อนข้างทรงตัว QoQ แต่ลดลง 2.7% YoY กำไรปกติที่ลดลง YoY เป็นเพราะ TRUEE หยุดช่าอุปกรณ์บรอดแบนด์บางส่วนใน 4Q64 ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน ~2% ของรายได้ค่าเช่าในปี 2564 รายได้ค่าเช่าอยู่ที่ 3.6 พันลบ. ทรงตัว QoQ แต่ลดลง 2.2% YoY รายการต้นทุนหลักๆ อยู่ในระดับที่ค่อนข้างทรงตัว QoQ และ YoY โดยรวมแล้ว กำไรปกติปี 2565 อยู่ที่ 1.23 หมื่นลบ. ลดลง 3% YoY
คงประมาณการไว้เหมือนเดิม เนื่องจาก DIF มีรายได้เข้ามาอย่างสม่ำเสมอ เราจึงคงประมาณการกำไรปกติปี 2566 ไว้ที่ 1.24 หมื่นลบ. ทรงตัว YoY นอกจากนี้เรายังคาดว่า DIF จะจ่ายเงินปันผลในอัตรา 1.03 บาท/หน่วย จากผลการดำเนินงานปี 2566 ด้วย
ปัจจัยเสี่ยงและความกังวล ประการแรก อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่สูงขึ้นทำให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลของ DIF ดูน่าสนใจลดน้อยลงในชิงเปรียบเทียบ ประการที่สอง แรงขายจาก TRUEE เป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญต่อราคาหน่วยลงทุน ประการที่สาม เงินปันผลที่นักลงทุนราย่อยได้รับในปี 2566 จะถูกหักภาษี 10% ประการสุดท้าย สัญญาเช่าเสาโทรคมนาคมที่ DIF ทำไว้กับ DTAC จะหมดอายุในเดือนมี.ค. 2567 และสัญญานี้คิดเป็น 3% ของรายได้ค่าเช่า ถ้า DTAC ตัดสินใจไม่ต่อสัญญา จะส่งผลกระทบต่อประมาณการกำไรปี 2567 ของเราราว 2.6% ซึ่งจะส่งผลทำให้เงินปันผลที่เราคาดการณ์ไว้ในปี 2567 ปรับลดลงสู่ 1.01 บาท/หน่วย