ผลิตภัณฑ์

  1. หุ้น เป็นหุ้นส่วนบริษัท ด้วยเงินหลักร้อย
  2. กองทุน เปิดพอร์ตแบบอีซี่.. มีมืออาชีพคอยดูแลให้
  3. Intelligent Portfolios เปิดโหมดอัตโนมัติสำหรับดูแลการลงทุน
  4. สินทรัพย์ดิจิทัล การลงทุนบนสินทรัพย์แห่งอนาคต
  5. ตราสารหนี้และหุ้นกู้ ลงทุนเพื่อผลตอบแทนระยะยาว
  6. ตราสารอนุพันธ์ มองการณ์ไกล ด้วยสัญญาซื้อขายล่วงหน้า
  7. บริการยืมและให้ยืมสินทรัพย์ ปล่อยเช่า-ขอยืมหุ้น เพื่อเพิ่มโอกาสในการลงทุน
  8. กองทุนส่วนบุคคล มีผู้จัดการช่วยให้การลงทุนของคุณง่ายขึ้น
  9. คู่มือการใช้ผลิตภัณฑ์ของเรา
  10. กลยุทธ์การลงทุน กลยุทธ์การลงทุนแนะนำ

แหล่งความรู้ด้านการลงทุน

  1. เริ่มลงทุนก้าวแรก เริ่มลงทุนก้าวแรก
  2. ลงทุนตามสินทรัพย์ ลงทุนตามสินทรัพย์
  3. บทวิเคราะห์การลงทุน บทวิเคราะห์การลงทุน
  4. แหล่งความรู้ครอบจักรวาลการลงทุนเพื่อทุกคน แหล่งความรู้ครอบจักรวาลการลงทุนเพื่อทุกคน

ข่าวสารและโปรโมชัน

  1. โปรโมชันและสิทธิพิเศษเพื่อคุณ
  2. อัปเดตข่าวสาร
  3. ประกาศ
  4. Point to invest
  5. INVX Point​
scbs image

โปรโมชันและสิทธิพิเศษ

พิเศษสำหรับลูกค้า Innovestx เท่านั้นใช้พอยต์แลกกองทุนรวมที่โดนใจ

ดูเพิ่มเติม

เกี่ยวกับเรา

  1. เกี่ยวกับเรา ร่วมเติบโตอย่างยั่งยืนไปกับเรา InnovestX
  2. ร่วมงานกับเรา ก้าวไปข้างหน้าแบบมีสไตล์
ค้นหาล่าสุด
เคลียร์
{{GetHitSearchValue.keywordTitle}}

TIDLOR – คาดกำไรปี 2567 แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มเงินทุน – OUTPERFORM (ราคาเป้าหมาย 26 บาท)

blog_list_heading
27 พ.ย. 2566;
640
แชร์บทความนี้
test_blog_details_img

เนื้อหาโดยรวม

TIDLOR – คาดกำไรปี 2567 แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มเงินทุน

เราปรับราคาเป้าหมายของ TIDLOR เพิ่มขึ้นจาก 25 บาท สู่ 26 บาท และเลือกให้ TIDLOR เป็นบริษัทเงินทุนเพียงบริษัทเดียวที่ได้เรทติ้ง OUTPERFORM เนื่องจากเราคาดว่า TIDLOR จะรายงานกำไรปี 2567 เติบโตแข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มเงินทุน โดยได้รับการสนับสนุนสินเชื่อที่เติบโตดี รายได้ค่าธรรมเนียมที่แข็งแกร่ง และ credit cost ที่ลดลง หลังจาก NPL เกิดใหม่ทำจุดสูงสุดใน 2H66

NPL เกิดใหม่ และ credit cost ทำจุดสูงสุด TIDLOR ปรับเป้าอัตราส่วน NPL ปี 2566 ลดลงจาก 1.8% สู่ 1.65% (เทียบกับ 1.54% ณ 3Q66) เนื่องจากบริษัทเชื่อว่า NPL เกิดใหม่ทำจุดสูงสุดไปแล้วใน 3Q66 อย่างไรก็ตาม TIDLOR ยังคงเป้า credit cost ปี 2566 ไว้ที่ 3-3.35% เนื่องจากบริษัทกำลังพิจารณาเร่งตัดหนี้สูญเพิ่มอีกและกังวลเกี่ยวกับราคารถมือสองที่ลดลง เราคาดว่า credit cost จะเพิ่มขึ้น 6 bps QoQ สู่จุดสูงสุดที่ 3.15% ใน 4Q66 และจะลดลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปจาก 3.1% (+84 bps) ในปี 2566 สู่ 3.05% ในปี 2567 TIDLOR เคลียร์งบดุลครั้งใหญ่ผ่านการตัดหนี้สูญในปี 2566 ซึ่งเราคาดว่าจะลดลงในปี 2567

ปรับประมาณการการเติบโตของสินเชื่อเพิ่มขึ้นเพื่อสะท้อนการเปิดตัวบริการสินเชื่อโฉนดที่ดิน TIDLOR เปิดตัวบริการสินเชื่อโฉนดที่ดิน (อัตราดอกเบี้ย 15% ด้วย LTV ไม่เกิน 50%) ในเดือนพ.ย. และยังคงระงับการปล่อยสินเชื่อรถบรรทุกเพื่อควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ เราปรับประมาณการการเติบโตของสินเชื่อเพิ่มขึ้นจาก 19% สู่ 20% ในปี 2566 และจาก 17% สู่ 18% ในปี 2567

ลดผลกระทบจากต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น TIDLOR วางแผนเปลี่ยนมาใช้แหล่งเงินทุนจากการออกหุ้นกู้มากขึ้นแทนการกู้ยืมเงินจากธนาคารเพื่อลดผลกระทบจากต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้นในปี 2567 ซึ่งเราคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 31 bps หลังจากเพิ่มขึ้น 48 bps ในปี 2566 (+25 bps QoQ ใน 4Q66) เราคาดอัตราผลตอบแทนจากสินเชื่อจะเพิ่มขึ้น 6 bps ในปี 2567 หลังจาก TIDLOR เลือกปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามความเสี่ยงของลูกค้าตั้งแต่ 3Q66 เราปรับประมาณการ NIM ปี 2567 เพิ่มขึ้น 4 bps สู่ระดับที่ลดลง 15 bps ในปี 2567 หลังจากลดลง 49 bps ในปี 2566

ยังคงคาดว่ารายได้ค่าธรรมเนียมจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง TIDLOR ยังคงคาดว่าเบี้ยประกันวินาศภัยจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งที่ 20-25% ในปี 2566 เทียบกับ 28% YoY ใน 9M66 และ +34% ในปี 2565 เรายังคงประมาณการการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการไว้ที่ 22% ในปี 2566 และ 20% ในปี 2567 เราคาดว่ารายได้ค่าธรรมเนียมและบริการจะลดลง QoQ ใน 4Q66

อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้จะอยู่ในระดับทรงตัวใน 4Q66 และปี 2567 TIDLOR คาดว่าอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้จะยังอยู่ในระดับทรงตัวที่ mid-50% ใน 4Q66 และปี 2567 โดยหลังจากระงับการเปิดสาขาเพิ่มใน 1H66 TIDLOR ก็กลับมาขยายสาขาเพิ่มอีก 34 สาขาใน 3Q66 ส่งผลทำให้บริษัทมีสาขารวมทั้งหมด 1,662 สาขา ซึ่งสอดคล้องกับแผนเปิดสาขาเพิ่ม 50 สาขาใน 2H66 ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานจะยังคงได้รับแรงกดดันจากรายจ่ายลงทุนด้าน IT ที่สูงขึ้น

กำไรปี 2567 จะเติบโตแข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มเงินทุน เราปรับประมาณการกำไรปี 2567 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยอีก 2% จากการปรับประมาณการการเติบโตของสินเชื่อและ NIM เพิ่มขึ้น เราคาดว่ากำไรจะเติบโตเพิ่มขึ้นจาก 10% ในปี 2566 สู่ 21% (แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มเงินทุน) ในปี 2567 โดยได้รับการสนับสนุนจาก credit cost ที่ลดลง สินเชื่อที่เติบโตดี และรายได้ค่าธรรมเนียมที่เติบโตแข็งแกร่ง เราคาดว่ากำไร 4Q66 จะเพิ่มขึ้น QoQ และ YoY โดยได้แรงหนุนจากรายได้ที่สูงขึ้นจากสินเชื่อที่เติบโตดีและรายได้ค่านายหน้าประกันภัยที่ดี

คงเรทติ้ง OUTPERFORM และปรับราคาเป้าหมายเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เรายังคงเรทติ้ง OUTPERFORM สำหรับ TIDLOR ด้วยราคาเป้าหมายที่ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 25 บาท สู่ 26 บาท (PBV 2.15 เท่า หรือ PE 15 เท่า สำหรับปี 2567)

ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ: 1) ความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ยังไม่ทั่วถึง 2) ความเสี่ยงด้าน NIM จากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่สูงขึ้น 3) การแข่งขันที่สูงขึ้นจากธนาคารต่างๆ และ 4) ความเสี่ยงด้านกฎหมาย

 

ท่านสามารถอ่านและดาวน์โหลดเอกสารได้จาก  TIDLOR231127_T

We raised TIDLOR’s TP to Bt26 from Bt25 and keep it as the only finance company rated Outperform as we expect it to show the strongest earnings growth among peers in 2024, underpinned by good loan growth, robust fee income and easing credit cost after an expected peak in NPL inflow in 2H23.

Peaking NPL formation and credit cost. TIDLOR lowered its 2023 NPL ratio target from 1.8% to 1.65% (vs. 1.54% at 3Q23) as it feels NPL formation peaked in 3Q23. However, it keeps 2023 credit cost guidance at 3-3.35% as it is considering a further acceleration in write-offs and on concerns of a drop in used car prices. We expect credit cost to rise 6 bps QoQ to peak at 3.15% in 4Q23 and ease gradually from 3.1% (+84 bps) in 2023 to 3.05% in 2024. TIDLOR undertook a big balance cleanup via write-offs in 2023, which we expect to simmer down in 2024. 

Raise loan growth forecast to factor in land title loans. TIDLOR is launching land title loans (15% interest rate with LTV no higher than 50%) in November; it continues to keep truck loans on hold to control asset quality. We raise our loan growth assumption from 19% to 20% in 2023 and 17% to 18% in 2024. 

Mitigation of impact from rising cost of funds. TIDLOR plans to shift its funding mix toward debentures and away from bank loans to mitigate a rise in cost of funds in 2024, which we estimate at 31 bps, after a rise of 48 bps in 2023 (+25 bps QoQ in 4Q23). We expect a 6 bps rise in loan yield in 2024 after a selective hike in interest rate based on client risk profile from 3Q23. We inch up our 2024F NIM by 4 bps to a fall of 15 bps in 2024F after a fall of 49 bps in 2023.

Maintain robust fee income growth. TIDLOR expects robust growth in non-life insurance premiums at 20-25% vs. 28% YoY in 9M23 and +34% in 2022. We maintain our forecast of fee & service income growth at 22% in 2023F and 20% in 2024F. We expect a QoQ seasonal rise in fee & service income in 4Q23.

Stable cost to income ratio in 4Q23 and 2024. TIDLOR expects a stable cost to income ratio at mid-50% in 4Q23 and 2024. After putting branch addition on hold in 1H23, it added 34 in 3Q23, bringing total branches to 1,662. This lines up with its plan to add 50 branches in 2H23. Opex will be pressured by rising IT capital expenditure.

Strongest 2024F earnings recovery among peers. We raised 2024F by 2% on loan growth and NIM. We expect earnings growth to recover to 21% (the strongest among peers) in 2024F from 10% in 2023, underpinned by easing credit cost, good loan growth and robust fee income growth. We expect 4Q23 earnings to rise QoQ and YoY, driven by higher toplines from decent loan growth and good insurance brokerage income.

Maintain Outperform with a slight TP hike. We maintain our Outperform rating with a hike in TP to Bt26 (2.15x PBV or 15x 2024F PE) from Bt25.

Key risks: Key risks: 1) Asset quality risk from an uneven economic recovery, 2) NIM risk from rising bond yield, 3) rising competition from banks and 4) regulatory risk.

 
Click here to read and/or download file  TIDLOR231127_E

กลับด้านบน