Keyword
Company Update

TIDLOR – 2Q67: ปรับ TP ลดลงจากความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ที่สูงขึ้น – OUTPERFORM (ราคาเป้าหมาย 17.00 บาท)

13 Aug 24 9:00 AM
TIDLOR4cdf88a0-4fe5-4b35-9fd8-ca80d204a106-20240912022747

หลังการประชุมนักวิเคราะห์ เราปรับราคาเป้าหมายของ TIDLOR ลดลงค่อนข้างมากจาก 25 บาท สู่ 17 บาท หลักๆ เกิดจากความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ที่สูงขึ้น อย่างไรก็ดี เรายังคงคำแนะนำ OUTPERFORM เนื่องจากเราเชื่อว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงมาก (-12% หลังประกาศผลประกอบการ 2Q67 และ -38% YTD) สะท้อนความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ที่สูงขึ้นจากเศรษฐกิจที่เติบโตต่ำไปเรียบร้อยแล้ว เราปรับประมาณการกำไรของ TIDLOR ลดลง 3% สำหรับปี 2567 และ 8% สำหรับปี 2568 เนื่องจากเราปรับประมาณการ credit cost เพิ่มขึ้น และปรับประมาณการการเติบโตของสินเชื่อลดลง ซึ่งได้รับการชดเชยบางส่วนจากการปรับประมาณการ NIM เพิ่มขึ้น (จากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้) โดยปัจจุบันเราคาดว่า EPS จะเติบโตในระดับปานกลางที่ 12% ในปี 2567 และ 15% ในปี 2568


ปรับประมาณการ credit cost เพิ่มขึ้น TIDLOR คาดว่า credit cost ปี 2567 จะสูงกว่าเป้าที่บริษัทวางไว้ก่อนหน้านี้ที่ 3-3.35% และมีแนวโน้มที่จะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับ 2Q67 ที่ 3.6% เราปรับประมาณการ credit cost ปี 2567 เพิ่มขึ้นจาก 3.45% สู่ 3.6% (+21 bps) โดยคาดว่า credit cost จะปรับตัวขึ้นอีกใน 2H67 นอกจากนี้เรายังปรับประมาณการ credit cost ปี 2568 เพิ่มขึ้นจาก 3.4% สู่ 3.55% (-5 bps) ด้วย


ปรับประมาณการการเติบโตของสินเชื่อลดลง TIDLOR คาดว่าการเติบโตของสินเชื่อในปี 2567 จะอยู่ที่กรอบล่างของเป้าหมายที่บริษัทวางไว้ที่ 10-20% จากการใช้นโยบายปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวดยิ่งขึ้นเพื่อควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ เราปรับประมาณการการเติบโตของสินเชื่อของ TIDLOR ลดลงจาก 17% สู่ 12% สำหรับปี 2567 และจาก 16% สู่ 12% สำหรับปี 2568 เราคาดว่าการเติบโตของสินเชื่อ QoQ ใน 3Q67 และ 4Q67 จะอยู่ที่ 3% QoQ ใกล้เคียงกับ 1Q67 และ 2Q67


ปรับประมาณการ NIM เพิ่มขึ้นสู่ระดับที่มีการขยายตัว TIDLOR คาดว่า NIM จะเพิ่มขึ้นในปี 2567 อันเป็นผลมาจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 100 bps เพื่อสะท้อนอัตราผลตอบแทนที่ปรับด้วยความเสี่ยงที่สูงขึ้นสำหรับลูกหนี้สินเชื่อรายใหม่ โดยใน 2Q67 NIM ของบริษัทกลับมาปรับตัวเพิ่มขึ้น 21 bps QoQ สู่ 15.89% อันเป็นผลมาจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 35 bps ในเดือนธ.ค. 2566 ในขณะที่ต้นทุนทางการเงินดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด โดยต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้น 10 bps ใน 2Q67 ช้ากว่าที่บริษัทคาดการณ์ไว้ที่ +40 bps สำหรับปี 2567 เราปรับประมาณการ NIM เพิ่มขึ้น 33 bps สู่ 15.84% (+27 bps) สำหรับปี 2567 และ 43 bps สู่ 16% (+15 bps) สำหรับปี 2568 


รายได้ค่านายหน้าเติบโตดี TIDLOR คาดว่าการเติบโตของเบี้ยประกันวินาศภัยในปี 2567 จะอยู่ที่ระดับกลางถึงระดับสูงของกรอบเป้าหมายที่บริษัทวางไว้ที่ 10-20% เทียบกับ +22% YoY ใน 1H67 บริษัทเพิ่งปรับเปลี่ยนแบรนด์ธุรกิจนายหน้าประกันภัยเป็น “ประกันติดโล่” เราคาดว่าการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะช่วยให้ลูกค้าจดจำแบรนด์ได้ดีขึ้นและยอดเบี้ยประกันวินาศภัยเพิ่มขึ้น เราคาดว่ารายได้ค่าธรรมเนียมจะเติบโตดีที่ 17% ในปี 2567 และ 15% ในปี 2568


ปรับประมาณการกำไรลดลงสู่ระดับที่เติบโตปานกลาง เราปรับประมาณการกำไรของ TIDLOR ลดลง 3% สำหรับปี 2567 และ 8% สำหรับปี 2568 โดยปัจจุบันเราคาดว่ากำไรของ TIDLOR จะเติบโตในระดับปานกลางที่ 16% (+12% สำหรับ EPS) ในปี 2567 และ 15% ในปี 2568 เราคาดว่ากำไรจะอยู่ในระดับทรงตัว QoQ และเพิ่มขึ้น YoY ใน 3Q67 และ 4Q67


คงคำแนะนำ OUTPERFORM แต่ปรับราคาเป้าหมายลดลงค่อนข้างมาก เราคงคำแนะนำ OUTPERFORM สำหรับ TIDLOR แต่ปรับราคาเป้าหมายลดลงสู่ 17 บาท (ที่ PBV 1.35 เท่า อ้างอิง ROE ระยะยาวที่ 12.5% cost of equity ที่ 9.7% และการเติบโตระยะยาวที่ 2%) หรือ PE ปี 2567 ที่ 9.3 เท่า


ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ: 1) ความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ไม่ทั่วถึง 2) ความเสี่ยงด้าน credit cost จากราคารถมือสองที่ลดลง 3) การแข่งขันที่สูงขึ้นจากธนาคารต่างๆ 4) ความเสี่ยงด้านกฎหมาย และ 5) ความเสี่ยง ESG จากการให้บริการลูกค้าอย่างเป็นธรรม (market conduct)

ท่านสามารถอ่านและดาวน์โหลดเอกสารได้จาก TIDLOR240813_T

 

After the analyst meeting, we slash TP to Bt17 from Bt25 to reflect rising asset quality risk. However, we maintain our Outperform as we believe the plunge in share price (down 12% after release of 2Q24 results and 38% YTD) already reflects rising asset quality risk from the weak economic growth. We cut our 2024F by 3% and 2025F by 8%, raising credit cost and lowering loan growth, which are partly offset by an upward revision of NIM (on a hike in lending rates). We now expect EPS growth of 12% in 2024 and 15% in 2025.


Raise credit cost forecast. TIDLOR expects 2024 credit cost to be higher than earlier guidance of 3-3.35% and likely to be close to 2Q24’s 3.6%. We thus raise our 2024F credit cost to 3.6% (+21 bps) from 3.45%, expecting a further rise in 2H24. We also raise our 2025F credit cost to 3.55% (-5 bps) from 3.4%. 
Lowering loan growth forecast. TIDLOR expects 2024 loan growth to be at the low end of its target of 10-20% due to a further tightening in credit extensions to control asset quality. We cut our loan growth forecast to 12% from 17% in 2024 and 12% from 16% in 2025. We expect QoQ loan growth in 3Q24 and 4Q24 of 3% QoQ, similar to 1Q24 and 2Q24.


Raise NIM forecast to expansion mode. TIDLOR expects a rise in NIM in 2024 as a result of a 100 bps hike to reflect higher risk-adjusted return for newer vintages. In 2Q24, NIM rose 21 bps QoQ to 15.89% in 2Q24 after a 35 bps hike in lending interest rates in December, 2023. At the same time, the rise in cost of funds appeared to be lower than expected at 10 bps in 2Q24 vs its guidance of +40 bps in 2024. We raise our NIM forecast by 33 bps to 15.84% (+27 bps) in 2024 and by 43 bps to 16% (+15 bps) in 2025.


Good brokerage fee income growth. TIDLOR expects 2024 non-life insurance premium growth to approach the mid to high end of its 10-20% target vs. +22% YoY in 1H24. It recently rebranded its insurance brokerage business to “Shield Insurance”. We expect this to help boost brand awareness and premium sales. We expect good fee income growth of 17% in 2024 and 15% in 2025.


Cut earnings forecast to moderate growth. We cut our 2024F by 3% and 2024F by 8%, giving moderate earnings growth of 16% (+12% for EPS) in 2024 and 15% in 2025. We expect earnings to be flat QoQ and grow YoY in 3Q24 and 4Q24.


Maintain Outperform but slash TP. We maintain our Outperform rating with a cut in TP to Bt17 (at 1.35x PBV based on 12.5% L-T ROE, 9.7% cost of equity and 2% L-T growth) or 9.3x 2024F PE from Bt25.


Key risks: 1) Asset quality risk from an uneven economic recovery, 2) credit cost risk from falling used vehicle prices, 3) rising competition from banks,
4) regulatory risk and 5) ESG risk from market conduct.

Click here to read and/or download TIDLOR240813_E

 

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5