เนื้อหาโดยรวม
บทสรุป |
ตลาดหุ้นทั่วโลกในภาพรวมปรับตัวลดลงตอบสนองท่าทีของคณะกรรมการธนาคารกลางสหรัฐหลายท่านที่ยังไม่มองว่าจะมีการปรับลดดอกเบี้ยเร็ว ท่ามกลางความกังวลต่อแนวโน้มความขัดแย้งในตะวันออกกลาง รวมถึงรัสเซียและยูเครนที่ส่งผลกับราคาน้ำมันที่สูงขึ้น กระแสเงินในวันที่ 3 เม.ย. 2024 1) กระแสเงินในตราสารหนี้ผันผวน เห็นแรงซื้อกลับในตราสารหนี้คุณภาพดีต่อเนื่อง รวมถึงพันธบัตรรัฐบาลทั้งนี้เป็นผลจากท่าทีของประธานธนาคารกลางสหรัฐมีมองว่าเงินเฟ้อไม่ได้เปลี่ยนมุมมอง 2) มีแรงซื้อกลับในตลาดหุ้นญี่ปุ่นหลังค่าเงินเยนเริ่มนิ่งและ BOJ ไม่ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยเพิ่มเติม 3) กลุ่มเทคโนโลยีมีกระแสเงินค่อนข้างผันผวน โดยมีแรงซื้อกลับโดยเฉพาะในกลุ่ม Semiconductor หลังราคาหุ้นย่อตัวลง 4) มีแรงซื้อในกลุ่มพลังงานและกลุ่มการเงินทั้งนี้มองเป็นภาพเศรษฐกิจที่ดีกว่าที่คาด 5) มีแรงขายในหุ้นยูโรปจากประเด็นสงครามรัสเซียและยูเครน 7) กลุ่มเชิงรับอย่าง Healthcare และ Consumer Staples ยังสะท้อนภาพของ Risk-on ของตลาดได้ในระดับหนึ่ง Samsung Electronics รายงานกำไรจากการดำเนินงานประมาณ 6.6 ล้านล้านวอน (4.9 พันล้านดอลลาร์) ในไตรมาสแรกของปี 2024 สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ราว 20% และคิดเป็นการเติบโตจาก 1Q23 ราว 10x ที่ราว 6 แสนล้านวอน โดยเป็นการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งจากการดำเนินงานที่ดีขึ้นของธุรกิจชิปรวมถึงยอดขายสมาร์ทโฟน Galaxy S24 ที่แข็งแกร่ง เรามองว่าแนวโน้มของกำไรอยู่ในช่วงของการฟื้นตัว โดยใน 2Q24 มองว่าความต้องการ AI จะยังสนับสนุนการเติบโตในธุรกิจหน่วยความจำและ Smartphone ทำให้มองว่าหุ้นยังมีแนวโน้มที่ดีและสามารถลงทุนได้ และจะส่งผลบวกกับ SK Hynik และ MU รวมถึง TSMC BYD วางแผนที่จะเปิดตัวรถกระบะพลังงานใหม่คันแรกของตนในปีนี้ เพื่อท้าทายรถกระบะยอดนิยมอย่าง Toyota Hilux, Ford Ranger และ Isuzu D-Max เรามองว่า BYD ต้องการเพิ่มสัดส่วนรายได้ในรถประเภทอื่นมากขึ้นซึ่งรถเพื่อการพาณิชย์มีสัดส่วนต่อยอดขายน้อยกว่า 1% ซึ่งเป็นความเสี่ยงกับรถยนต์ค่ายญี่ปุ่นและสหรัฐ รวมถึง Cybertruck ของ TSLA ด้วย ซึ่งทำให้การแข่งขันอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง มองไปที่ผู้ผลิตแบตเตอรี่อย่าง CATL, LGES, Samsung SDI |
ท่าน สามารถอ่านและดาวน์โหลดเอกสารได้จาก Global morning routine_240405_T |