เนื้อหาโดยรวม
สรุปประเด็นวิเคราะห์สงครามอิสราเอล-อิหร่าน ยอดค้าปลีกสหรัฐเพิ่มขึ้นเกินคาด IMF ปรับเป้าเศรษฐกิจโลก |
---|
- เราวิเคราะห์ว่า
(1) ในช่วง 1 เดือน ข้างหน้า อาจเห็นการโจมตีตอบโต้ของอิสราเอลในทำเลที่มั่นหรือสถานทูตของอิหร่านนอกประเทศเพิ่มเติม แต่ไม่น่าจะเป็นการโจมตีในอาณาเขตของประเทศอิหร่านโดยตรง
(2) ในช่วงนับจาก 1 เดือน จนกระทั่งก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ความรุนแรงด้านภูมิรัฐศาสตร์จะเพิ่มขึ้น โดยที่การโจมตีของอิหร่านต่ออิสราเอลจะหนักหน่วงขึ้น โดยจุดมุ่งหมายสำคัญ คือ ทำให้เกิดความปั่นป่วนในตลาดการเงิน ซึ่งจะกระทบทำให้สหรัฐเพิ่มแรงกดดันต่ออิสราเอลในการยุติความรุนแรงกับกลุ่มฮามาซ
อย่างไรก็ตาม ความเป็นไปได้ที่จะเกิดสงครามโดยตรงระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านยังคงน้อย เพราะหากรุนแรงจนกระทั่งทำให้คะแนนนิยมของประธานาธิบดีไบเดนเสียไปแล้ว จะทำให้โอกาสที่ทรัมพ์จะกลับมาเป็นประธานาธิบดี และทำนโยบายรุนแรงกับอิหร่านเพิ่มขึ้น ในส่วนผลต่อเศรษฐกิจ เราวิเคราะห์ว่า หากสถานการณ์รุนแรงขึ้น จะทำให้เกิดภาวะ Stagflation โดยเศรษฐกิจชะลอลง เงินเฟ้อเพิ่มขึ้น ธนาคารกลางไม่ลดดอกเบี้ยหรือจำเป็นต้องขึ้นดอกเบี้ยแม้ว่าเศรษฐกิจจะมีปัญหาก็ตาม
- ยอดค้าปลีกสหรัฐเพิ่มขึ้นเกินคาด
- ยอดค้าปลีกของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเดือน มี.ค. ขณะที่ตัวเลขในเดือนก่อนได้ถูกปรับให้สูงขึ้น (Revise up) โดยยอดค้าปลีกที่ไม่ได้ปรับตามอัตราเงินเฟ้อ เพิ่มขึ้น 0.7% ต่อเดือน และ 4.0% ต่อปี สูงกว่าตลาดคาดที่ 0.3% ต่อเดือน และสูงกว่าเดือนก่อนที่ 2.1% ต่อปี
- เรามองว่า การใช้จ่ายผู้บริโภคที่ยังขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง อาจทำให้เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวดีกว่าคาด อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นจากความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ จะทำให้ค่าครองชีพของชาวสหรัฐเริ่มแพงขึ้น กดดันการบริโภคในระยะต่อไป
- IMF ปรับเป้าเศรษฐกิจโลก แต่เตือนถึงความเสี่ยง
- กองทุนการเงินระหว่างประเทศปรับเพิ่มประมาณการการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปีนี้ จากความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐและตลาดเกิดใหม่บางแห่ง ขณะเดียวกันเตือนว่าแนวโน้มยังคงระมัดระวังท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อที่ยังคงมีอยู่และความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์
เราวิเคราะห์ว่า แม้เศรษฐกิจสหรัฐที่ขยายตัวค่อนข้างแข็งแกร่งจะผลักดันเศรษฐกิจโลกขึ้นในระยะสั้น แต่ก็ยังคงเผชิญความเสี่ยง 4ประการ กล่าวคือ
(1) สถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ที่รุนแรงขึ้นโดยเฉพาะในตะวันออกกลาง ซึ่งอาจนำมาซึ่งภาวะเงินเฟ้อสูง-เศรษฐกิจชะลอตัวหรือ Stagflation
(2) นโยบายการเงินสหรัฐที่ตึงตัว จะทำให้ธุรกิจขนาดเล็ก-ภาคประชาชนประสบปัญหาต้นทุนการเงินที่สูงขึ้น กระทบการบริโภค-การล้มละลายของธุรกิจขนาดเล็ก รวมถึงปัญหา Commercial Real Estate
(3) ปัญหา Inverted Yield Curve ที่กระทบต่อการทำธุรกิจของธนาคารพาณิชย์ โดยเฉพาะ Regional Bank
(4) การขาดดุลการคลังของสหรัฐที่มากขึ้น ท่ามกลางดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับสูง กดดันทำให้ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐเพิ่มขึ้น และจะกดดันต้นทุนทางการเงินของภาคธุรกิจในระยะต่อไป
ท่าน สามารถอ่านและดาวน์โหลดเอกสารได้จาก Macro making sense 240417_T