เนื้อหาโดยรวม
เทรด Futures ใช้เงินเพียงบางส่วน
การเปิดฐานะใน Futures ไม่จำเป็นต้องใช้เงินเต็มมูลค่าสัญญาในการซื้อขาย โดยสามารถวางเงินหลักประกันขั้นต้นประมาณ 10-15% ของมูลค่าสัญญาก่อนการซื้อขาย หรือที่เรียกกันว่าการ “Leverage” เช่น หากนักลงทุนเปิดสัญญาของ S50H21 ที่ราคา 950 (มูลค่าสัญญา = 950*200 (Multiplier) = 190,000 บาท) โดยวางเงินสดเป็นหลักประกันเพียง 15,000 บาท ก็สามารถเปิดฐานะได้ ในทางปฏิบัติ ควรวางหลักประกันให้เหมาะสม ให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ และภาวะตลาด
มูลค่าเงินหลักประกันในพอร์ต Futures คือ Equity Balance
นักลงทุนวางเงินสดเป็นหลักประกันในพอร์ต Futures จะเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Equity Balance โดยถ้าได้กำไร Equity Balance ก็จะเพิ่มขึ้น
ถ้าผิดทางทางขาดทุน ระดับ Equity Balance ก็จะลดลง ซึ่งจะใช้วิธีการคิดแบบ Real Time
เทรด Futures บริหาร Equity Balance กับระดับหลักประกันให้เหมาะสม
ระดับหลักประกันจะมี 3 ระดับ คือ
1.หลักประกันขั้นต้น (Initial Margin หรือ IM) – เป็นจำนวนเงินสดขั้นต่ำที่นักลงทุนวางไว้ในพอร์ตก่อนเปิดสัญญาซื้อหรือขาย Futures
2.หลักประกันรักษาสภาพ (Maintenance Margin หรือ MM) – มูลค่า Equity Balance ที่นักลงทุนต้องรักษาเอาไว้เหนือระดับนี้ตลอดเวลาที่ถือสัญญา Futures อยู่ หาก Equity Balance ต่ำกว่าระดับนี้ นักลงทุนจำเป็นต้องวางเงินสดเพิ่ม เพื่อให้ Equity Balance เท่ากับหรือมากกว่าระดับ IM
3.หลักประกันบังคับดำเนินการ (Force Close Margin หรือ FM) – มูลค่า Equity Balance ลดต่ำกว่าระดับนี้ นักลงทุนมีหน้าที่วางเงินสดเพิ่ม เพื่อให้ระดับ Equity Balance กลับมาเท่ากับหรือมากกว่าระดับ Maintenance Margin
ตัวอย่างหลักประกัน Futures โดยใช้เงินวางหลักประกันเพียงบางส่วน
ยกตัวอย่าง นักลงทุนเปิดฐานะ Long S50Z21 ที่ราคา 950 จำนวน 1 สัญญา โดยวางเงินสดเป็นหลักประกันที่ระดับ IM = 9,695 บาท**
Case1 ปรับตัวขึ้น -> ราคา S50Z21 ปรับตัวขึ้นถึง 955 : มูลค่า Equity Balance ปรับตัวขึ้นเป็น 9,695+(( 955-950)*200*1) = 10,695 บาท คิดเป็นได้กำไร 1,000 บาท หรือประมาณ 10% ในขณะที่ตลาดปรับตัวขึ้นประมาณ 5%
Case2 ปรับตัวลง -> S50Z21 ปรับตัวลงมาจนถึง 945 : มูลค่า Equity Balance จะปรับตัวลงเป็น 9,695+(( 945-950)*200*1) = 8,695 บาท คิดเป็นขาดทุน 1,000 บาท หรือประมาณ 10% ในขณะที่ตลาดปรับตัวลงประมาณ 5%