เนื้อหาโดยรวม
มูลค่าหลักประกัน Futures ใช้ราคาตลาดในการคำนวณ
มูลค่าหลักประกันของ Futures ใช้วิธีการคำนวณกำไรขาดทุนเทียบกับราคาตลาดแบบ Real Time ในช่วงเวลาที่ตลาด Futures โดยถ้านักลงทุนถูกทาง “ส่วนที่ได้กำไร” จะได้รับเงินเข้าไปรวมกับ Equity Balance แต่ถ้าผิดทาง “ส่วนขาดทุน” จะถูกหักเงินออกจาก Equity Balance แบบ Real Time ถึงแม้ว่านักลงทุนจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงฐานะในพอร์ทเพิ่มเติมก็ตาม
มูลค่าหลักประกัน Futures ตอนสิ้นวัน ใช้ราคาจากตลาด TFEX ในการคำนวณ
ราคาที่ใช้ชำระราคาสิ้นวัน หรือ Daily Settlement Price (ทาง TFEX ประกาศราคาหลังตลาดปิดทุกสิ้นวัน) มาคำนวณกำไร/ขาดทุน จาก Equity Balance ของวันก่อนหน้า (T-1)
เพื่อให้บัญชีของนักลงทุนมีการปรับตามสภาพตามตลาดปัจจุบัน
มูลค่าหลักประกัน Futures ณ วันหมดอายุ ใช้ราคาจากตลาด TFEX ในการคำนวณ
ราคาที่ใช้ชำระราคาในวันซื้อขายวันสุดท้าย หรือ Final Settlement Price (ทาง TFEX ประกาศราคาหลังตลาดปิด ณ วันซื้อขายวันสุดท้าย) มาคำนวณหากำไร/ขาดทุน โดยจากคิดจากค่าเฉลี่ยของดัชนี SET50 ในช่วง 15 นาทีสุดท้ายของวันซื้อขายวันสุดท้าย และค่าราคาปิดของวันนั้น โดยตัดค่ามากที่สุด 3 ค่า และ ค่าน้อยที่สุด 3 ค่าออก และใช้ทศนิยม 2 ตำแหน่ง ซึ่งจะคิดส่วนต่างเป็นเงินสด โดยถ้าได้กำไร เงินหลักประกันจะเพิ่มขึ้น แต่ถ้าขาดทุน เงินหลักประกันจะลดลงตัวอย่างหลักประกัน Futures โดยใช้เงินวางหลักประกันเพียงบางส่วน
มีเงินต้น 20,000 บาท นำไปเปิดสัญญา Long Open S50Z21 ที่ราคา 910 (Equity Balance = 20,000 บาท)
สิ้นวันที่ 1: ราคา ณ สิ้นวันอยู่ที่ 915 ซึ่งได้กำไรตามวิธี Mark to Market เท่ากับ 1,000 บาท ยอด Equity Balance จะถูกปรับสิ้นวันเป็น 21,000 บาท
สิ้นวันที่ 2: ราคา S50Z21 ณ สิ้นวันอยู่ที่ 900 เพราะฉะนั้นจะขาดทุนจากการ Mark to Market จากสิ้นวันที่ 1 อยู่ -3,000 บาท ทำให้ Equity Balance ถูกปรับ ณ สิ้นวันเป็น 18,000 บาท
ณ วันที่ 3: ปิดสัญญา (Short Close) S50Z21 ที่ราคา 905 จะได้กำไรจากการ Mark to Market 1,000 บาท ยอด Equity Balance สุทธิหลังปิดสัญญา S50Z21 คือ 19,000 บาท
สรุปคือ นักลงทุนมีเงินสดเป็นมูลค่าหลักประกันอยู่ที่ 20,000 บาท จนถึงสิ้นวันที่ 3 หลังปิดสัญญา S50H21 Equity Balance ลดลงเหลือ 19,000 บาท นักลงทุนขาดทุนสุทธิทั้งหมด 1,000 บาท