เนื้อหาโดยรวม
แม้ความผันผวนสูง แต่ช่วงสั้นมอง SET ยังมีโอกาสฟื้นตัวได้ ภายใต้Upside ที่จ ากัด
สองสัปดาห์ที่ผ่านมา SET ปรับขึ้นเพียง 0.1% โดยแม้สัปดาห์แรกตลาดหุ้นไทยจะฟื้นตัวได้ดีโดยขึ้นไปที่จุดสูงสุดที่ 1,431.51 จุด เนื่องจาก Bond yield สหรัฐลดลงหลัง Fed เริ่มส่งสัญญาณยุติการขึ้นดอกเบี้ย แต่อย่างไรก็ดี สัปดาห์ก่อน SET พลิกปรับตัวลง หลังมีแรงขายหุ้นออกมาแทบทุกกลุ่ม เนื่องจากตลาดขาดปัจจัยใหม่ๆ อีกทั้งนักลงทุนยังกังวลความเสี่ยงนโยบาย Digital Wallet ที่อาจทำได้ต่ำและล่าช้ากว่าที่รัฐบาลคาดมีมากขึ้น นอกจากนี้ยัง มีแรงขายหุ้นกลุ่มพลังงาน (PTTEP) หลังกังวลอุปสงค์น้ำมันในสหรัฐและจีนจะอ่อนแอ และแรงขายหุ้น Real Sector ที่รายงานกำไร 3Q66 ออกมาต่ำกว่า ตลาดคาด (BJC CPAXT IRPC BH SPRC THANI) ทั้งนี้Fund Flow ยังมีทิศทางไหลออกจากตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง โดยสองสัปดาห์ที่ผ่านมานักลงทุน ต่างชาติมียอดขายสุทธิใน SET ราว 1.25 หมื่นลบ.
• เรามองว่า แม้ตลาดหุ้นไทยจะยังคงเผชิญความผันผวนสูง แต่ช่วงสั้นคาด SET จะมีโอกาสกลับมาฟื้นตัวได้เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจและผลประกอบการทั่ว
โลกไม่แย่กว่าที่ตลาดกังวล อีกทั้งในประเทศยังมีความคาดหวังการจัดตั้งกองทุน LTF และต่ออายุSSF อย่างไรก็ดีในแง่ของ Upside ของ SET มองจะยังถูก
จ ากัด หลังอาจมีแรงขายท าก าไรจากการสิ้นสุดประกาศผลการด าเนินงาน 3Q66 ของหุ้นกลุ่ม Real Sector ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะน า “Selective Buy”
ในธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะดังนี้
1) หุ้น Big Cap. ที่คาดฟื้นตัวได้ตามตลาดและมีความผันผวน
ต่ำ โดยเลือกหุ้น Undervalued ซึ่งราคาปรับลงมาจนเข้าเขต Oversold และยังมีพื้นฐานดีอีก
ทั้ง Valuation ไม่แพง (PER และ PBV 23F ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี) เลือก BDMS BEM BBL GULF SCGP
2) หุ้น Earning Play ซึ่งจะมีการประกาศงบ 3Q66 ในสัปดาห์หน้า ขณะที่โมเมนตัมก าไร 4Q66 จะยังเติบโต YoY และเป็นไตรมาสที่ดีสุดของปี เลือก ERW
AOT CENTEL ZEN CRC
• ขณะที่ระยะกลางแนะน าระมัดระวังหุ้นที่คาดได้รับผลกระทบจากปรากฎการณ์เอลนีโญที่จะกระทบต่อก าลังซื้อภาคเกษตรลดลง ได้แก่ กลุ่มสินเชื่อ (MTC SAWAD) กลุ่มยานยนต์ (SAT STANLY) กลุ่มเครื่องดื่ม (CBG จากราคาน้ำตาลที่สูงขึ้น) รวมถึงกลุ่มเกษตรและอาหาร (CPF GFPT BTG)
PDF คลิกอ่านเพิ่มเติม Biweekly Portfolio Strategy 231113_T