เนื้อหาโดยรวม
บทสรุป |
ทิศทางดอกเบี้ยโลกคาดเข้าสู่ช่วงขาลงในปี 2024 จะส่งผลให้ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐมีโอกาสลดลง หลังปรับลงมาแรงในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา หลัง Fed เริ่มมีมุมมอง Dovish มากขึ้น โดยเฉพาะหลังประชุมในเดือน ธ.ค. ที่ Dot Plot ส่งสัญญาณสิ้นสุดวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้น และบ่งชี้ดอกเบี้ย Fed Fund Rate อาจลดลงได้ถึง 3 ครั้ง (75 bps) ในปี 2024 หุ้นในกลุ่ม Long Duration (มักเป็นหุ้นเติบโต ทำให้กระแสเงินสดในอนาคตสูง) และกลุ่มที่เคลื่อนไหวผกผันกับผลตอบแทนพันธบัตรจะให้ผลตอบแทนดีกว่าตลาด หากดอกเบี้ยลดลงมากกว่า 50 bps ในช่วงที่ไม่เกิดวิกฤติการเงิน แสดงในตารางหน้าถัดไป ผลตอบแทนพันธบัตรไทยเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับของสหรัฐ ซึ่งคาดเป็นปัจจัยหนุนหุ้นในกลุ่ม Long Duration ได้แก่ พาณิชย์ (ต้นทุนทางการเงินลดลง) การแพทย์ (WACC ต่ำลง) และสาธารณูปโภค (ต้นทุนการเงินและ WACC ต่ำลง) และกลุ่มที่มีความอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงของผลตอบแทนพันธบัตร ได้แก่ REIT (ผลตอบแทนปันผลน่าสนใจขึ้น) อสังหาริมทรัพย์ (ต้นทุนทางการเงินลดลง) และ Consumer finance (ต้นทุนทางการเงินลดลง) หุ้นเด่นที่น่าสนใจในกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากทิศทางผลตอบแทนพันธบัตรลดลง ได้แก่ BJC CPALL CPAXT (พาณิชย์), BDMS BCH (การแพทย์), GULF (โรงไฟฟ้า), DIF (REIT), AP (อสังหาฯ) และ TIDLOR (Consumer Finance) |
ท่านสามารถอ่านและดาวน์โหลดเอกสารได้จาก Rate sensitive stocks_231219_T |