เนื้อหาโดยรวม
สรุปภาพรวมการลงทุนสัปดาห์นี้
สัปดาห์นี้ตลาดปรับตัวขึ้นได้ดีภายหลังจากตัวเลขจ้างงานออกมาต่ำกว่าคาด เช่นเดียวกับตัวเลขขอรับสวัสดิการว่างงานที่สูงกว่าคาด ทำให้ตลาดมองว่าโอกาสในการลดดอกเบี้ยในปีนี้มีเพิ่มขึ้น โดยผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ลดลงต่ำกว่า 4.5% อีกครั้ง หนุนตลาดสินทรัพย์เสี่ยงปรับขึ้นได้ ล่าสุดตลาดปรับความคาดหวังการปรับลดดอกเบี้ยในปีนี้ของ Fed เพิ่มขึ้นเป็น 2 ครั้ง ในเดือน ก.ย. และ ธ.ค. หุ้นในกลุ่ม Defensive เช่น Healthcare และ Consumer Staples ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.6-1.8% เช่นเดียวกับกลุ่ม Utilities ที่เพิ่มขึ้น 3.6% จาก Yield ที่ลดลง ส่วนกลุ่มการเงินปรับเพิ่มขึ้น 2.2% จากผลประกอบการที่ดีกว่าคาดและตัวเลขเศรษฐกิจจีน ฝั่งตลาดหุ้น EM ปรับตัวขึ้นเช่นกันจากปัจจัยหนุนของตลาดหุ้นโลก รวมถึงความคาดหวังมาตรการสนับสนุนภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนและตัวเลขการส่งออกและนำเข้าของจีนที่ดีกว่าที่คาด เป็นสัญญาณบวกต่อเศรษฐกิจจีน ในยุโรปเริ่มเห็นการลดดอกเบี้ย นำโดยธนาคารกลางสวีเดนลดดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี และหลายฝ่ายคาดว่า ธ. กลางยุโรปและอังกฤษจะลดในการประชุมเดือน มิ.ย. ตลาดหุ้นไทยทรงตัวหลัง GDP ถูกปรับลดลงต่อเนื่อง ล่าสุด โดย กกร. แต่ได้ชดเชยจากผลประกอบการที่ทยอยประกาศในช่วงที่ผ่านมาดีกว่าคาด และราคาน้ำมันที่ขยับขึ้น
ตลาดหุ้นโลก
สัปดาห์นี้ตลาดปรับตัวดีขึ้น จากตัวเลขเศรษฐกิจที่ชะลอลงทำให้ตลาดมองว่าโอกาสในการลดดอกเบี้ยในปีนี้มีเพิ่มขึ้น โดยการจ้างงานสหรัฐเดือน เม.ย. ชะลอตัวรุนแรงขึ้น อัตราว่างงานเพิ่มขึ้น และ ISM และ PMI ลดลงชัดเจนขึ้น ด้านการส่งออกของจีนกลับมาเติบโตในเดือน เม.ย. ขณะที่นำเข้าฟื้นตัวรุนแรง เป็นสัญญาณบวกต่อเศรษฐกิจจีน
ตลาดหุ้นไทย
ตลาดหุ้นไทยทรงตัว โดยมีปัจจัยบวกจากผลประกอบการ แต่ถูกชดเชยจากเศรษฐกิจที่เสี่ยงมากขึ้นจาก (1) หัวหน้าพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า ธปท. เป็นอุปสรรคในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจไทย ท่ามกลางกระแสต่อต้านจากนักวิชาการ (2) เงินเฟ้อฟื้นตัวขึ้นที่ 0.19% ท่ามกลางต้นทุนการผลิตที่ปรับเพิ่มขึ้นบ่งชี้โอกาสที่ ธปท. จะลดดอกเบี้ยถูกปิดลงแล้ว และ (3) กกร. ปรับลดเป้า GDP ไทยเหลือเติบโต 2.5% ส่งออกเติบโต 1.0%
ตลาดพันธบัตร
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับลดลงมาอยู่ที่ 4.46% ขณะที่ ระยะสั้น 2 ปี ปรับลดลงที่ 4.82% ทำให้ส่วนต่างดอกเบี้ย 2-10 ปี อยู่ที่ -36 bps
ผลตอบแทนพันธบัตรไทยอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้นที่ 2.77% ขณะที่ระยะสั้น อายุ 2 ปี ทรงตัวที่ 2.35% ขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิที่ 2,426 ล้านบาท
ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์
ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวขึ้นจากราคาปิดวันศุกร์ที่ 3 พ.ค. ที่ 82.96 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 84.29 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านราคาทองคำ (spot) ปรับเพิ่มขึ้นที่ 2,355.8 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์
ตลาดอัตราแลกเปลี่ยน
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (DXY) ทรงตัวที่ 105.3 จุด ขณะที่ค่าเงินเยนอ่อนค่าลงที่ 155.73 เยน ด้านค่าเงินยูโรอ่อนลงที่ 1.08 ดอลลาร์ต่อยูโร ด้านค่าเงินเอเชีย ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นที่ 36.76 บาท ขณะที่เงินหยวนทรงตัวที่ระดับ 7.23 หยวน