เนื้อหาโดยรวม
ภาพรวมตลาด เม.ย. – แนวโน้มตลาด พ.ค. |
คาด SET ในเดือน พ.ค. มี downside จำกัด บริเวณแนวรับ 1490-1510 จุด โดยมองสถานการณ์จะเริ่มดีขึ้นจาก 1) ผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียนในตลาดภาพรวมจะทำจุดต่ำสุดใน Q1/66 และเริ่มสู่ทิศทางขาขึ้นตั้งแต่ Q2/66 2) นโยบายการเงินเฟดจะลดความตึงตัว โดยคาดเฟดจะคงดอกเบี้ยไปจนถึงสิ้นปี หลังขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุม 2-3 พ.ค. นี้ และ 3) Sentiment เชิงบวกหลังเลือกตั้ง ด้วยนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่ ด้านกรอบบนของ SET อยู่ที่แนวต้าน 1560 และ 1600 จุด ตามลำดับ งบ 1Q66 กลุ่มธนาคารสูงกว่าคาด 4% กำไรสุทธิกลุ่มฯ เพิ่มขึ้น 45% QoQ และ 14% YoY โดยคุณภาพสินทรัพย์ทรงตัว credit cost สูงขึ้น สินเชื่อทรงตัว NIM ลดลง รายได้ค่าธรรมเนียมชะลอตัวลง กําไรจากเครื่องมือทางการเงินดีขึ้น และอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ลดลงตามฤดูกาล QoQ เราคาดกําไร 2Q66 จะเพิ่มขึ้น YoY แต่ลดลง QoQ ส่วนปี 2566 คาดว่ากําไรกลุ่มฯ จะเติบโต 13% เดือน เม.ย. ต่างชาติขายสุทธิเป็นเดือนที่ 3 ที่ 7.9 พันลบ. จากเดือนก่อนหน้าที่ขายสุทธิ 3.2 หมื่นลบ. โดยเพิ่มสัดส่วนการถือครองในหุ้นกลุ่ม ICT พลังงาน ธนาคาร แต่ลดสัดส่วนการถือครองในกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ขณะที่ performance ของดัชนี MSCI Thailand แย่กว่า MSCI APAC ex. Japan ในช่วง 1, 3 และ 6 เดือนที่ผ่านมา แต่ดีกว่าในช่วง 12 เดือนก่อนหน้า ทั้งนี้ ในส่วนของประมาณการกำไรฯ ปี 2566 ของ SET นั้น consensus มีการปรับลง 1.34% เช่นเดียวกับไต้หวัน เกาหลีใต้ ฮ่องกง มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ ที่ปรับลง 5.60%, 2.52%, 1.20%, 0.49% และ 0.35% ตรงข้ามกับจีน และอินโดนีเซีย ที่ปรับขึ้น 14.24% และ 4.63% ตามลำดับ Sell in May ปีนี้ไม่น่าเกิด? เรามองว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานของหุ้นในกลุ่มขนาดใหญ่น่าจะผ่านจุดต่ำสุดใน 1Q66 และมีแนวโน้มฟื้นตัวตั้งแต่ 2Q66 เป็นต้นไป จากการเติบโตของรายได้ที่มาพร้อมกับแรงกดดันด้านต้นทุนที่ลดลง ซึ่งความโดดเด่นของผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียนที่กลับสู่ขาขึ้น จะดึงดูดให้ fund flow ไหลกลับเข้ามา ทำให้ SET จะเคลื่อนไหวโดดเด่นกว่าตลาดหุ้นต่างประเทศอื่นๆ อีกครั้ง นอกจากนี้ยังมีปัจจัยบวกจากการเลือกตั้งที่มีความคาดหวังว่ารัฐบาลชุดใหม่จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หนุนให้เกิดปรากฏการณ์ Election Rally เราจึงมองว่าการปรับลงของ SET ในช่วงที่ผ่านมาเป็นโอกาสในการเข้าซื้อสะสมเพื่อคาดหวังการฟื้นตัว ประเด็นสำคัญในเดือนนี้ ในประเทศ : 3 พ.ค. – อัตราเงินเฟ้อ (เม.ย.) ; 10 พ.ค. - ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (เม.ย.) ; 17 พ.ค. – GDP 1Q66 ; 26 พ.ค. - ยอดส่งออก-นำเข้า (เม.ย.) ; 31 พ.ค. – ประชุม กนง. ต่างประเทศ : 1 พ.ค. - ดัชนี ISM PMI ภาคการผลิต (เม.ย.) ของสหรัฐ ; 2-3 พ.ค. – การประชุม FOMC ; 3 พ.ค. - ดัชนี ISM PMI ภาคบริการ (เม.ย.) และการจ้างงานภาคเอกชน (เม.ย.) ของสหรัฐ ; 4 พ.ค. – การประชุม ECB ; 5 พ.ค. – การจ้างงานนอกภาคเกษตร, อัตราว่างงาน (เม.ย.) ของสหรัฐ ; 10 พ.ค. – อัตราเงินเฟ้อ (เม.ย.) ของสหรัฐ ; 11 พ.ค. – ดัชนีราคาผู้ผลิต (เม.ย.) ของสหรัฐ ; 12 พ.ค. – ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดย ม.มิชิแกน ของสหรัฐ ; 16 พ.ค. – ยอดค้าปลีก (เม.ย.) ของสหรัฐ |