ผลิตภัณฑ์

  1. หุ้น เป็นหุ้นส่วนบริษัท ด้วยเงินหลักร้อย
  2. กองทุน เปิดพอร์ตแบบอีซี่.. มีมืออาชีพคอยดูแลให้
  3. Intelligent Portfolios เปิดโหมดอัตโนมัติสำหรับดูแลการลงทุน
  4. สินทรัพย์ดิจิทัล การลงทุนบนสินทรัพย์แห่งอนาคต
  5. ตราสารหนี้และหุ้นกู้ ลงทุนเพื่อผลตอบแทนระยะยาว
  6. ตราสารอนุพันธ์ มองการณ์ไกล ด้วยสัญญาซื้อขายล่วงหน้า
  7. บริการยืมและให้ยืมสินทรัพย์ ปล่อยเช่า-ขอยืมหุ้น เพื่อเพิ่มโอกาสในการลงทุน
  8. กองทุนส่วนบุคคล มีผู้จัดการช่วยให้การลงทุนของคุณง่ายขึ้น
  9. คู่มือการใช้ผลิตภัณฑ์ของเรา

แหล่งความรู้ด้านการลงทุน

  1. เริ่มลงทุนก้าวแรก เริ่มลงทุนก้าวแรก
  2. ลงทุนตามสินทรัพย์ ลงทุนตามสินทรัพย์
  3. บทวิเคราะห์การลงทุน บทวิเคราะห์การลงทุน
  4. แหล่งความรู้ครอบจักรวาลการลงทุนเพื่อทุกคน แหล่งความรู้ครอบจักรวาลการลงทุนเพื่อทุกคน

ข่าวสารและโปรโมชัน

  1. โปรโมชันและสิทธิพิเศษเพื่อคุณ
  2. อัปเดตข่าวสาร
  3. ประกาศ
  4. Point to invest
  5. INVX Point​
scbs image

โปรโมชันและสิทธิพิเศษ

พิเศษสำหรับลูกค้า Innovestx เท่านั้นใช้พอยต์แลกกองทุนรวมที่โดนใจ

ดูเพิ่มเติม

เกี่ยวกับเรา

  1. เกี่ยวกับเรา ร่วมเติบโตอย่างยั่งยืนไปกับเรา InnovestX
  2. ร่วมงานกับเรา ก้าวไปข้างหน้าแบบมีสไตล์
ค้นหาล่าสุด
เคลียร์
{{GetHitSearchValue.keywordTitle}}

พลังงานและปิโตรเคมี – แนะนำให้เลือกซื้อท่ามกลางความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์

blog_list_heading
InnovestX Research
22 เม.ย. 2567;
115
แชร์บทความนี้
test_blog_details_img

เนื้อหาโดยรวม

Performance ของ SETENERG (-5.8% YTD) อยู่ในระดับเดียวกับตลาดโดยรวม แต่อ่อนแอกว่า SETPETRO ที่ -4.4% อยู่เล็กน้อย ทั้งๆ ที่ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา (เพิ่มขึ้น 16-18%) เราเชื่อว่าภาพดังกล่าวสะท้อนถึงความกังวลที่นักลงทุนมีต่อตลาดหุ้นไทยโดยรวมและความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายพลังงานของรัฐบาลซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อราคาพลังงานในประเทศและผลการดำเนินงานของ PTT (6% และ 21% ของมูลค่าตลาดของ SET และ SETENERG ตามลำดับ) ดังนั้น เราจึงแนะนำให้เลือกซื้อหุ้นเด่นที่ยังมีปัจจัยกระตุ้นราคาหุ้นในระยะสั้น BCP ยังคงเป็นหุ้นเด่นอันดับหนึ่งเมื่อพิจารณาจากแนวโน้มค่าการกลั่นที่แข็งแกร่ง การเติบโตของกำไรจากการเข้าซื้อกิจการ BSRC และการกระจายธุรกิจออกจากประเทศไทย หุ้นเด่นตัวอื่นๆ ได้แก่ TOP (proxy ของธุรกิจโรงกลั่นน้ำมัน), PTTEP (upside จากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น) และ PTTGC (สถานการณ์เลวร้ายที่สุดผ่านพ้นไปแล้ว)

ราคาน้ำมันส่งสัญญาณโมเมนตัมขาขึ้น ราคาน้ำมันโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ >US$90/บาร์เรล เนื่องจากอุปทานตึงตัวมากขึ้นและอุปสงค์ฟื้นตัว จุดชนวนที่ทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นเมื่อไม่นานนี้ คือ การตัดสินใจของกลุ่ม OPEC+ ในการขยายระยะเวลาการปรับลดกำลังการผลิตออกไปจนถึงสิ้นเดือนมิ.ย. 2567 และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มสูงขึ้น ในด้านอุปสงค์ องค์กรที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันทั้งสามองค์กรคาดว่าอุปสงค์น้ำมันจะเพิ่มขึ้น 0.9-2.3 ล้านบาร์เรล/วันในปี 2567 แม้ว่าจะชะลอตัวลงจากปี 2566 เราปรับสมมติฐานราคาน้ำมันเบรนท์ในปี 2567 เพิ่มขึ้นจาก US$80 สู่ US$85/บาร์เรล เพื่อสะท้อนความเสี่ยงด้านอุปทานจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ เทียบกับ Bloomberg consensus ที่ US$83.5/บาร์เรล อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นอาจทำให้มีการเลื่อนปรับลดอัตราดอกเบี้ยออกไปสืบเนื่องมาจากความกังวลเรื่องเงินเฟ้อและผลกระทบต่ออุปสงค์ในมุมมองของเรา ดังนั้นราคาน้ำมันจึงอาจปรับตัวลดลงกลับมาอยู่ที่ระดับ US$80± ในภายหลังจากการผลิตที่เพิ่มขึ้นและการเติบโตของอุปสงค์ที่ชะลอตัวลง นอกจากนี้เรายังปรับราคาเป้าหมายอ้างอิงวิธี DCF ของ PTTEP เพิ่มขึ้นจาก 194 บาท สู่ 204 บาทเพื่อสะท้อนสมมติฐานราคาน้ำมันที่สูงขึ้นด้วย

ค่าการกลั่นมีแนวโน้มฟื้นตัวเพราะอุปสงค์ช่วงฤดูร้อน ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์โดยเฉลี่ยปรับตัวเพิ่มขึ้น 33% QoQ ใน 1Q67 แต่ลดลง 43% QTD สู่ US$4.13/บาร์เรล ซึ่งสะท้อนถึง crack spread ของน้ำมันดีเซลและน้ำมันเครื่องบินที่ลดลง 25-27% QoQ ใน 2Q67TD อุปสงค์น้ำมันเบนซินที่สูงขึ้นใน 2Q67 จะช่วยสนับสนุนค่าการกลั่นได้บางส่วนเนื่องจากอุปสงค์ตามฤดูกาลจะเพิ่มขึ้น crack spread ของน้ำมันเบนซินลดลง 2% QoQ แต่ยังสูงกว่า US$17/บาร์เรล ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นจะทำให้หุ้นโรงกลั่นมีความเสี่ยงจากกำไร/ขาดทุนสต๊อกน้ำมันมากขึ้นในระยะสั้น แต่การขยายกำลังการกลั่นน้ำมันระลอกปัจจุบันอาจจะเป็นระลอกสุดท้ายสำหรับทศวรรษหน้า อุปสงค์ผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูปอาจเพิ่มขึ้นต่อเนื่องแม้ว่าจะมีการใช้รถ EV มากขึ้น เรายังคงชอบ BCP ในฐานะหุ้นเด่นของกลุ่มพลังงานที่มีการกระจายพอร์ตการลงทุนเพื่อรับมือกับความผันผวนของราคาน้ำมัน นอกจากนี้เรายังเลือก TOP เป็นหุ้นเด่น เนื่องจากค่าการกลั่นมีแนวโน้มฟื้นตัวและความได้เปรียบทางการแข่งขันเพิ่มขึ้นเนื่องจากโครงการ CFP ใกล้เปิดดำเนินการ

อุปสงค์ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมียังคงซบเซา เรายังคงมุมมองระมัดระวังต่อกลุ่มปิโตรเคมี แม้ว่าปีที่เลวร้ายที่สุดผ่านพ้นไปแล้ว อุตสาหกรรมปิโตรเคมีจะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปจนกว่าอุปสงค์และอุปทานจะมีความสมดุลมากขึ้น ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นจะทำให้กลุ่มปิโตรเคมีฟื้นตัวช้า โดยมีสาเหตุมาต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น และผลกระทบด้านลบที่อาจเกิดขึ้นจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น และนโยบายการเงินที่ตึงตัวต่อเนื่องซึ่งจะส่งผลกระทบต่ออุปสงค์ ณ จุดนี้ เราชอบ PTTGC เพราะมาร์จิ้นมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นจากการมีวัตถุดิบตั้งต้นอีเทนเพิ่มขึ้น ซึ่งบ่งชี้ถึงความสามารถในการแข่งขันที่ดีกว่าผู้ผลิตที่ใช้แนฟทาเป็นวัตถุดิบ

แนวโน้มกำไร 1Q67 บริษัทน้ำมันและก๊าซมีแนวโน้มที่จะรายงานกำไร 1Q67 ที่แข็งแกร่งขึ้น QoQ โดยเฉพาะโรงกลั่นน้ำมัน ซึ่งเป็นผลมาจากค่าการกลั่นที่แข็งแกร่งและกำไรจากสินค้าคงเหลือ ปัจจัยดังกล่าวจะช่วยหนุนให้กำไรของบริษัทที่ประกอบธุรกิจน้ำมันครบวงจรปรับตัวดีขึ้นด้วยเช่นกัน

ปัจจัยเสี่ยง การชะลอตัวของเศรษฐกิจจะส่งผลกระทบต่ออุปสงค์ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี ในขณะที่ความผันผวนของราคาน้ำมันอาจทำให้เกิดขาดทุนสต๊อก ความเสี่ยงอื่นๆ ได้แก่ การด้อยค่าของสินทรัพย์และการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบเกี่ยวกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และการแทรกแซงของรัฐบาลในธุรกิจพลังงาน ปัจจัยเสี่ยงด้าน ESG ที่สำคัญ คือ ผลกระทบของธุรกิจต่อสิ่งแวดล้อม และการปรับตัวในช่วงเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด

ท่านสามารถอ่านและดาวน์โหลดเอกสารได้จาก ENERG&PETRO240422_T

Performance of SETENERG (-5.8% YTD) has been in line with the overall market but slightly weaker than SETPETRO’s -4.4% despite the recent 16-18% YoY rise in oil price. We believe this reflects investor concern about the Thai stock market as a whole and the uncertainty about the government’s energy policy, which could affect domestic energy prices and earnings at PTT (6% and 21% of SET and SETENERG market caps, respectively). Hence, we are selective on our stock picks, choosing those that still have share price catalysts in the near term. BCP still tops the list given solid GRM, earnings growth from the acquisition of BSRC and business diversification away from Thailand. Others on the list: TOP (proxy for oil refineries), PTTEP (upside from oil price rise) and PTTGC (past the worst).               

Upward momentum for oil. Global oil prices are on the rise to >US$90/bbl on lower supply and demand recovery. The trigger point for the recent price rise is the OPEC+ decision to extend the product curb until end-Jun 2024 and rising geopolitical tension. On the demand side, the three oil-related organizations expect oil demand to increase 0.9-2.3mb/d in 2024, a slowdown from 2023. We revise up our Brent oil price assumption for 2024F to US$85/bbl from US$80 to reflect the supply risk from geopolitical tension (Bloomberg consensus is US$83.5/bbl). Higher oil price could delay the interest rate cut due to inflation concerns and hurt demand, in our view, which could lead oil price to fall back to US$80± later on more production and slower demand growth. We raise our DCF-based TP for PTTEP from Bt194 to Bt204 to reflect our higher oil price.         

GRM to recover on summer demand. Average Singapore GRM rose 33% QoQ in 1Q24 but has fallen 43% QTD to US$4.13/bbl, reflecting a 25-27% QoQ drop in crack spread for diesel and jet fuel in 2Q24TD. Higher demand for gasoline in 2Q24 will give some support to GRM as seasonal demand is strengthening. Crack spread has edged down 2% QoQ but remains above US$17/bbl. Higher oil price raises the risk of stock gain/loss for oil refining stocks in the near term, but the current wave of oil refining capacity could be the last one for the next decade. Demand for refined oil products is likely to continue to rise despite higher adoption of EV. We still like BCP as the top pick for the sector on its portfolio diversification to withstand oil price volatility. We also pick TOP on a recovering GRM and its increasing competitive edge as CFP’s startup approaches.  

Demand for petrochemical products remains subdued. We stay cautious on the petrochemical sector although it has surmounted its worst year, as we expect only gradual recovery until a more balanced demand-supply is reached. Higher oil price will delay the upturn due to more costly feedstock and possible damage from high oil price and persistently tight monetary policy hurting demand. At this point we prefer PTTGC on its improving margin from higher ethane feedstock, implying better competitiveness over naphtha-based producers.        

1Q24F earnings outlook. Oil and gas companies are expected to report stronger profit QoQ in 1Q24, especially oil refiners, from healthy GRM and inventory gains. This will also back better profit for integrated oil companies.

Risk factors. An economic slowdown would erode demand for energy and petrochemical products while oil price volatility may cause stock losses. Other risks are asset impairment and regulatory changes on GHG emissions and government intervention in the energy business. Key ESG risk factors are the environmental impact and how it adapts to the transition to clean energy.

Click here to read and/or download file  ENERG&PETRO240422_E

หัวข้ออื่นๆ ที่คุณอาจสนใจ
กลับด้านบน