เนื้อหาโดยรวม
ผลประกอบการ 1Q67 ของ TIDLOR ออกมาดีเกินคาดเล็กน้อยจาก NIM (ต้นทุนทางการเงินต่ำกว่าคาด) โดยสะท้อนถึง credit cost และ NPL ไหลเข้าที่ลดลง การเติบโตของสินเชื่อที่ดี NIM ที่ลดลง และ non-NII และอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ที่ลดลงตามฤดูกาล เรายังคงคำแนะนำ OUTPERFORM สำหรับ TIDLOR และคงราคาเป้าหมายไว้ที่ 27 บาท 1Q67: ดีเกินคาดเล็กน้อยจาก NIM กำไรสุทธิ 1Q67 เพิ่มขึ้น 23% QoQ และ 16% YoY สู่ 1.1 พันลบ. สูงกว่า INVX คาด 8% และสูงกว่า consensus คาด 10% โดยกำไรที่ดีเกินคาดหลักๆ เกิดจาก NIM ซึ่งเป็นผลมาจากต้นทุนทางการเงินที่ต่ำกว่าคาด รายการที่สำคัญ: 1) คุณภาพสินทรัพย์: อัตราส่วน NPL เพิ่มขึ้น 9 bps QoQ สู่ 1.63% ใน 1Q67 NPL เพิ่มขึ้น 9% QoQ (+46% ถ้านำยอดตัดหนี้สูญบวกกลับเข้ามา) ใน 1Q67 เทียบกับ 6% QoQ (+70% ถ้านำยอดตัดหนี้สูญบวกกลับเข้ามา) ใน 4Q66 ซึ่งบ่งชี้ว่า NPL ไหลเข้าลดลง การตัดหนี้สูญน้อยลงส่งผลทำให้ credit cost ลดลง 96 bps QoQ (+18 bps YoY) สู่ 3.32% ใน 1Q67 สอดคล้องกับเป้าที่บริษัทวางไว้ที่ 3-3.35% LLR coverage ลดลงสู่ 264% จาก 270% ณ 4Q66 เรายังคงประมาณการ credit cost ปี 2567 ไว้ที่ 3.3% 2) การเติบโตของสินเชื่อ: +3% QoQ, +21% YoY ตามคาด เรายังคงประมาณการการเติบโตของสินเชื่อปี 2567 ไว้ที่ 18% 3) NIM: ดีกว่าคาด โดย -17 bps QoQ (-2 bps YoY) สู่ 15.69% ซึ่งเป็นผลมาจากอัตราผลตอบแทนจากการให้สินเชื่อที่ลดลง 18 bps QoQ จากปัจจัยฤดูกาล ในขณะที่ต้นทุนทางการเงินลดลง 4 bps QoQ สู่ 3.17% ต่ำกว่าคาด อย่างไรก็ตาม เรายังคงประมาณการ NIM ปี 2567 ไว้ที่ 15.49% (-9 bps) เนื่องจากเราคาดว่าต้นทุนทางการเงินจะสูงขึ้นในช่วงที่เหลือของปีนี้ 4) Non-NII: -9% QoQ (+20% YoY) ใน 1Q67 หลักๆ เกิดจากรายได้ค่านายหน้าประกันภัยที่ลดลงตามฤดูกาล 5) อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้: -100 bps QoQ (+41 bps YoY) สู่ 54.06% ใน 1Q67 จากปัจจัยฤดูกาล กำไรฟื้นตัวดี กำไร 1Q67 คิดเป็น 24% ของประมาณการกำไรปี 2567 ของเรา เราคาดว่ากำไรจะเติบโตในอัตราเร่งตัวขึ้นจาก 4% ในปี 2566 สู่ 23% (+19% สำหรับ EPS) ในปี 2567 โดยได้รับการสนับสนุนจาก credit cost ที่ลดลง การเติบโตของสินเชื่อที่ดี และรายได้ค่าธรรมเนียมที่เติบโตดี แม้ว่าจะมีแรงฉุดรั้งจากต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น คงคำแนะนำ OUTPERFORM และราคาเป้าหมายไว้ไม่เปลี่ยนแปลง เรายังคงคำแนะนำ OUTPERFORM สำหรับ TIDLOR และคงราคาเป้าหมายไว้ที่ 27 บาท (ที่ PBV 2.4 เท่า อ้างอิง ROE ระยะยาวที่ 17% cost of equity ที่ 9.4% และการเติบโตระยะยาวที่ 4%) หรือ PE ปี 2567 ที่ 17 เท่า เนื่องจากเราคาดว่า TIDLOR จะรายงานกำไรฟื้นตัวดีในปี 2567 และปี 2568 หลักๆ เกิดจาก credit cost ที่ลดลง ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ: 1) ความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ยังไม่ทั่วถึง 2) ความเสี่ยงด้าน credit cost จากราคารถมือสองที่ลดลง 3) การแข่งขันที่สูงขึ้นจากธนาคารต่างๆ 4) ความเสี่ยงด้านกฎหมาย และ 5) ความเสี่ยง ESG จาก market conduct | |||
ท่านสามารถอ่านและดาวน์โหลดเอกสารได้จาก TIDLOR240508_T
|