![test_blog_details_img](/ResourcePackages/scbs/assets/dist/images/blog-details/smile-face.png)
เนื้อหาโดยรวม
กรอบบนยังถูกจำกัด | |||||||||||||||
แนวโน้มตลาดวันนี้ | |||||||||||||||
SET แม้ได้ sentiment บวก จากตลาดหุ้นสหรัฐ อย่างไรก็ตาม คาดดัชนียังมีกรอบบนถูกจำกัดที่แนวต้าน 1385 และ 1393 จุด ตามลำดับ และในภาพรวมดัชนียังดูมี downside ด้านแนวรับอยู่ที่ 1370 จุด หากต่ำกว่า เป็นสัญญาณลบต่อ โดยมีแนวรับถัดไปที่ 1360 จุด | |||||||||||||||
ประเด็นสำคัญ | |||||||||||||||
• ก. แรงงานสหรัฐรายงานจำนวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกสัปดาห์ที่แล้วเพิ่มขึ้น 1 พันราย สู่ระดับ 2.20 แสนราย แต่ต่ำกว่าตลาดคาดที่ 2.22 แสนราย | |||||||||||||||
กลยุทธ์การลงทุน | |||||||||||||||
เรามองช่วงสั้น SET มีโอกาสฟื้นตัว หลังคาดจะเริ่มมีเม็ดเงินลงทุนในกองทุน TESG ทยอยเข้ามาซึ่งจะช่วยสร้างเสถียรภาพให้แก่ตลาดหุ้นไทย โดยคาดหวังการฟื้นตัวของหุ้นขนาดใหญ่หลังราคามีการปรับตัวลงแรงในช่วงที่ผ่านมา ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” | |||||||||||||||
ล็อคเป้าลงทุน | |||||||||||||||
Weekly Portfolio : SET มีโอกาสฟื้นตัว หลังปรับตัวลงแรงก่อนหน้านี้และคาดหวังมีเม็ดเงินลงทุนในกองทุน TESG ทยอยเข้ามาช่วยสร้างเสถียรภาพให้แก่ตลาดหุ้นไทย กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ในธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะ ดังนี้ 1) หุ้น Big Cap. (SET50) ที่คาดเป็นเป้าหมายการลงทุนจากแผนจัดตั้งกองทุน TESG ซึ่งเราได้คัดเลือกหุ้นที่อยู่ในดัชนี SETESG ที่มีคุณสมบัติน่าสนใจ ดังนี้ (I) ได้ ESG Rating “AAA” หรือ “AA” และ (II) ราคาหุ้นปรับตัวลงแรงกว่า SET YTD เลือก SCGP OR CPALL BEM GULF CRC HMPRO ขณะที่หุ้น ESG Rating “A” ซึ่งราคาหุ้นปรับตัวลงแรงมากในช่วงที่ผ่านมา แนะนำ AOT 2) หุ้น Big Cap. (SET50) ที่คาดเป็นเป้าหมายการลงทุนจากแผนจัดตั้งกองทุน TESG ซึ่งคัดเลือกหุ้นที่อยู่ในดัชนี SETESG ที่ได้ ESG Rating “AAA” และราคาหุ้นปรับขึ้นดีกว่า SET YTD อีกทั้งผลการดำเนินงานยังแข็งแกร่ง และคาดให้ Div. Yield มากกว่า 5% ต่อปี เลือก PTT KTB 3) นักลงทุนระยะยาวแนะนำเริ่มลงทุนแบบ Dollar-Cost-Average (DCA) เนื่องจากมองเป็นจังหวะที่ดีที่สุด หลัง SET ปรับลงแรงจนความเสี่ยงลดลงไปมากและราคาหุ้นอยู่ในระดับ Undervalue มาก โดยเลือก BBL BDMS BEM CPALL PTT และ SCC ซึ่งเป็นหุ้น SET100 ซึ่งเป็นผู้นำในแต่ละอุตสาหกรรม และมี ESG Rating ระดับ AAA/AA, Valuation ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 10 ปี และผลการดำเนินงานเติบโตต่อเนื่อง ช่วงสั้นแนะนำระมัดระวังหุ้นที่คาดได้รับผลกระทบอย่างมีนัยจากแผนปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำของรัฐบาลซึ่งจะมีการประชุม ครม. 12 ธ.ค. นี้ ได้แก่ กลุ่มขนส่งพัสดุ (KEX) กลุ่มอาหาร (CPF ZEN GFPT TU AU) กลุ่มอสังหาฯ (LPN PSH SPALI SIRI QH AP) และกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ (HANA KCE) ขณะที่ระยะกลางแนะนำระมัดระวังหุ้นที่คาดได้รับผลกระทบจากภาวะเอลนีโญที่จะกระทบต่อกำลังซื้อภาคเกษตรลดลง ได้แก่ กลุ่มสินเชื่อ (MTC SAWAD) กลุ่มยานยนต์ (SAT STANLY) กลุ่มเครื่องดื่ม (CBG จากราคาน้ำตาลที่สูงขึ้น) รวมถึงกลุ่มเกษตรและอาหาร (CPF GFPT BTG) | |||||||||||||||
Daily Top picks | |||||||||||||||
AP เป็นหุ้นใน SETESG Index ที่น่าสนใจ โดยได้ Rating “AA” คาด 4Q66 ยอดขายรายไตรมาสจะสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังเปิดตัวโครงการใหม่ 23 โครงการ มูลค่ารวม 3.57 หมื่นลบ. และด้วย backlog ที่แข็งแกร่ง คาดปี 2566 จะมีกำไรสุทธิที่ 6.24 พันลบ. เติบโต 6.2% ทำจุดสูงสุดใหม่อีกครั้ง | |||||||||||||||
บทวิเคราะห์วันนี้ | |||||||||||||||
AP – ยอด presales ใน 11M66 คิดเป็น 80% ของเป้าทั้งปี | |||||||||||||||
ท่านสามารถอ่านและดาวน์โหลดเอกสารได้จาก Daily231208_T
|