ส่องความสำคัญ 'การเทรดดาวโจนส์' ดัชนียักษ์ใหญ่ในอเมริกา!

เนื้อหาโดยรวม

ทำความรู้จักกับการเทรดดาวโจนส์ ดัชนีสำคัญในตลาดหุ้นของประเทศสหรัฐอเมริกา อยู่คู่กับนักลงทุนมาอย่างยาวนาน สำคัญอย่างไร มีหุ้นไหนน่าสนใจบ้าง หาคำตอบได้ที่นี่

Dow Jones คืออะไร? อยากทำกำไรต้องรู้!

หากจะกล่าวถึงดัชนีที่เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายไปทั่วโลก ชื่อของ 'ดัชนี Dow Jones' คงเป็นชื่อแรกที่หลายคนนึกถึง เพราะคุ้นหูและอยู่คู่กับตลาดการลงทุนมาอย่างยาวนาน แต่แท้จริงแล้ว ดัชนี Dow Jones คือหุ้นอะไรกันแน่ แล้วการลงทุนในดัชนีนี้มีความสำคัญกับนักลงทุนมากน้อยแค่ไหน บทความนี้มีข้อมูลดี ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้มาฝากกัน

ดัชนี Dow Jones คืออะไร?

ดัชนี Dow Jones มีชื่อเต็มว่า Dow Jones Industrial Average หรือบางที่เรียกว่า DJIA เป็นดัชนีหุ้นที่คำนวณโดย Wall Street Journal และ Dow Jones & Company ซึ่งอยู่คู่กับโลกการเงินและการลงทุนมานานกว่า 100 ปี ประกอบไปด้วยหุ้นของบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีอิทธิพลต่ออุตสาหกรรมประเภทต่าง ๆ ในประเทศสหรัฐอเมริกาทั้งหมด 30 ตัว ถือกำเนิดขึ้นในปี 1896 โดย Charles Dow และ Edward Jones ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ Wall Street Journal โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากดัชนีหุ้นที่มีชื่อว่า Dow Jones Average (DJA)

ดัชนี DJA เป็นดัชนีที่คำนวณหุ้นของบริษัทที่ดำเนินกิจการเกี่ยวกับรถไฟในประเทศสหรัฐอเมริกา 9 บริษัท และบริษัทอื่น ๆ อีก 2 บริษัท ก่อตั้งขึ้นในปี 1883 ที่สะท้อนสภาพเศรษฐกิจในยุคนั้นได้เป็นอย่างดี กลายเป็นรากฐานสำคัญที่ทำให้หนังสือพิมพ์ Wall Street Journal ประสบความสำเร็จและได้รับความเชื่อถือจากนักลงทุนอย่างล้นหลาม แต่เมื่ออเมริกาต้องเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจ ส่งผลให้โครงสร้างเศรษฐกิจของทั้งประเทศเกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ดัชนี DJA จึงไม่สามารถเป็นสะท้อนภาพเศรษฐกิจของอเมริกาได้อีกต่อไป Wall Street Journal จึงพัฒนาดัชนีใหม่ขึ้นมา นั่นก็คือดัชนี DJIA

ในช่วงเริ่มต้น ดัชนีอุตสาหกรรม Dow Jones ประกอบด้วยหุ้นของบริษัทอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น โรงงานน้ำตาล โรงงานบุหรี่ โรงงานยาง เพียง 12 ตัวเท่านั้น ก่อนจะถูกเพิ่มเป็น 30 ตัวหรือ DJI30 ในปี 1928 และยังคงมีการคำนวณผลประกอบการเพื่อปรับเปลี่ยนหุ้นในดัชนีอยู่เสมอ DJIA จึงเป็นดัชนีหลักที่แสดงภาพใหญ่ของเศรษฐกิจอเมริกาได้ชัดเจน กล่าวได้ว่าหาก DJI30 อยู่ในขาขึ้น แปลว่าเศรษฐกิจอเมริกากำลังโต แต่หาก DJI30 อยู่ในขาลง ก็เป็นสัญญาณว่าเศรษฐกิจอเมริกากำลังอยู่ในภาวะวิกฤต

ความสำคัญของการเทรดดาวโจนส์

สำหรับนักลงทุนไทย อาจรู้สึกว่าการเทรดดาวโจนส์ซึ่งเป็นดัชนีหุ้นอุตสาหกรรมของประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นเรื่องไกลตัว แต่ในความเป็นจริงแล้ว ดัชนีนี้มีความสำคัญกับตลาดการเงินไทยและระดับโลกมากกว่าที่คิด โดยมีความสำคัญต่อตลาดการลงทุน ดังนี้

● หุ้นทั้ง 30 ตัวที่อยู่ในดัชนี Dow Jones ล้วนเป็นหุ้นของบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีบทบาทในอุตสาหกรรมระดับโลก ดัชนี Dow Jones จึงถือเป็นตัวแทนภาพรวมของเศรษฐกิจอเมริกาและเศรษฐกิจโลกได้ดี

● เป็นดัชนีที่ก่อตั้งมานาน ผ่านวิกฤตมาหลายครั้ง จึงสามารถนำข้อมูลการคำนวณในอดีตมาพยากรณ์ทิศทางตลาดโลกได้

เทคนิคควรรู้ในการเทรดดาวโจนส์

รู้แล้วว่าดัชนีอุตสาหกรรม Dow Jones คืออะไร หากคุณเป็นนักลงทุนหน้าใหม่ในวงการเทรดดาวโจนส์ นี่คือ 4 เรื่องต้องรู้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและโอกาสทำกำไรให้กับพอร์ตของคุณ

รูปแบบการเทรดดัชนี Dow Jones

การเทรดหุ้นในดัชนี Dow Jones สามารถทำได้หลายรูปแบบ เราจึงขอยกตัวอย่างการเทรดดัชนี Dow Jones ให้เห็นภาพ ดังนี้

● การเทรดแบบ Scalping เป็นการซื้อขายหุ้นเพื่อเก็งกำไรในระยะสั้น ๆ ได้กำไรน้อย แต่เน้นทำกำไรได้ถี่ เหมาะกับผู้ที่เข้าใจความผันผวนของราคาเป็นอย่างดี และมีทักษะการวิเคราะห์เป็นเลิศ

● การเทรดแบบ Day Trading เป็นการเทรดระยะสั้นเช่นกัน แต่ไม่ถี่เท่าแบบ Scalping โดยจะเทรดเพียงวันละ 1 ครั้งเท่านั้น

● การเทรดแบบ Swing Trading หรือการเทรดระยะกลาง เหมาะกับผู้ที่มีเวลาไม่มาก ไม่ต้องเฝ้ากราฟตลอดวัน

รูปแบบการเทรดดัชนี Dow Jones

การเทรดหุ้นในดัชนี Dow Jones สามารถทำได้หลายรูปแบบ เราจึงขอยกตัวอย่างการเทรดดัชนี Dow Jones ให้เห็นภาพ ดังนี้

● การเทรดแบบ Scalping เป็นการซื้อขายหุ้นเพื่อเก็งกำไรในระยะสั้น ๆ ได้กำไรน้อย แต่เน้นทำกำไรได้ถี่ เหมาะกับผู้ที่เข้าใจความผันผวนของราคาเป็นอย่างดี และมีทักษะการวิเคราะห์เป็นเลิศ

● การเทรดแบบ Day Trading เป็นการเทรดระยะสั้นเช่นกัน แต่ไม่ถี่เท่าแบบ Scalping โดยจะเทรดเพียงวันละ 1 ครั้งเท่านั้น

● การเทรดแบบ Swing Trading หรือการเทรดระยะกลาง เหมาะกับผู้ที่มีเวลาไม่มาก ไม่ต้องเฝ้ากราฟตลอดวัน

ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อดัชนี Dow Jones

เพราะดัชนี Dow Jones เป็นดัชนีที่รวบรวมหุ้นบริษัทอเมริกาไว้ถึง 30 ตัว ดังนั้น ปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลกระทบต่อราคามากที่สุด ก็คือสภาพเศรษฐกิจของประเทศสหรัฐอเมริกา ทั้ง GDP ความเคลื่อนไหวในภาคอุตสาหกรรม อัตราเงินเฟ้อ อัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ อัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวรอบโลก เช่น ภาวะสงคราม การเกิดโรคระบาด ก็อาจส่งผลต่อราคาหุ้น Dow Jones ได้ด้วยเช่นกัน

ช่วงเวลาที่สามารถเทรดดัชนี Dow Jones ได้

การเทรดดาวโจนส์สามารถทำได้ในเวลาที่ตลาดหุ้นสหรัฐเปิดทำการ ซึ่งจะอยู่ในช่วง 20.30 - 03.00 น. ของประเทศไทย แต่อย่าลืมให้ความสำคัญกับข่าวเศรษฐกิจและการเงินก่อนเทรด เพื่อลดความเสี่ยงในการขาดทุน 

การลงทุนผ่าน CFD และ Dow Jones Futures

ช่องทางในการเทรด DJIA ในปัจจุบันสามารถทำได้หลายวิธี โดยมี 2 วิธีที่ได้รับความนิยมจากนักลงทุนจำนวนมาก ดังนี้

● Contract for Difference (CFD) เป็นสัญญาซื้อขายส่วนต่าง ใช้เงินลงทุนน้อย แต่มีโอกาสทำกำไรได้สูง สามารถซื้อขายได้ตลอด 24 ชั่วโมงในวันจันทร์ - วันศุกร์

● Dow Jones Futures คือสัญญาซื้อขายดัชนี Dow Jones แบบล่วงหน้า หัวใจสำคัญอยู่ที่ยิ่งคาดการณ์ราคาให้แม่นยำได้มากเท่าไหร่ ก็มีโอกาสทำกำไรได้มากขึ้นเท่านั้น

รวมหุ้นน่าสนใจในดัชนี Dow Jones

หุ้นในดัชนี Dow Jones ส่วนใหญ่ คือหุ้น Blue Chip เป็นบริษัทที่ก่อตั้งมานาน มีฐานลูกค้าจำนวนมาก และมีมูลค่าการตลาดสูง ส่วนใหญ่เป็นบริษัทกลุ่มเทคโนโลยีและการเงิน ซึ่งถือเป็นกำลังสำคัญของสภาพเศรษฐกิจอเมริกาในปัจจุบัน โดยหุ้นกลุ่มนี้ที่น่าสนใจใน DJI30 ได้แก่

● GS (Goldman Sachs Group Inc) กลุ่มธนาคารเพื่อการลงทุนและกลุ่มหลักทรัพย์ขนาดใหญ่

● AAPL (Apple Inc) บริษัทไอทีอันดับต้น ๆ ของโลก มีมูลค่าสูงถึง 20% ของดัชนีทั้งหมด

● MSFT (Microsoft Corp) ผู้ผลิตและพัฒนาซอฟต์แวร์รายใหญ่ รวมถึงทำธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์ไอทีครบวงจร

● CRM (Salesforce Inc) บริษัทผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ชั้นนำ เพิ่งถูกบรรจุใน DJI30 เมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2020

ต้องการลงทุนกับหุ้นในดัชนี Dow Jones หรือซื้อหุ้นต่างประเทศ รวมถึงกองทุนต่างประเทศตัวอื่น ๆ เลือก InnovestX แอปเดียวครบทุกจักรวาลการลงทุน มาพร้อมฟังก์ชันการใช้งานที่รองรับทุกความต้องการของนักลงทุน ไม่ว่าจะเป็นฟังก์ชัน Intelligent Portfolios ช่วยปรับพอร์ตกองทุนอัตโนมัติ ฟังก์ชัน Wealth Idea หรือเพลย์ลิสต์การลงทุน รวมถึงบทวิเคราะห์ใหม่ ๆ จากผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน ดาวน์โหลดได้ฟรีทั้งระบบ iOS และ Android

คำเตือน

* การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน การลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศโดยตรงมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน