ผลิตภัณฑ์

  1. หุ้น เป็นหุ้นส่วนบริษัท ด้วยเงินหลักร้อย
  2. กองทุน เปิดพอร์ตแบบอีซี่.. มีมืออาชีพคอยดูแลให้
  3. Intelligent Portfolios เปิดโหมดอัตโนมัติสำหรับดูแลการลงทุน
  4. สินทรัพย์ดิจิทัล การลงทุนบนสินทรัพย์แห่งอนาคต
  5. ตราสารหนี้และหุ้นกู้ ลงทุนเพื่อผลตอบแทนระยะยาว
  6. ตราสารอนุพันธ์ มองการณ์ไกล ด้วยสัญญาซื้อขายล่วงหน้า
  7. บริการยืมและให้ยืมสินทรัพย์ ปล่อยเช่า-ขอยืมหุ้น เพื่อเพิ่มโอกาสในการลงทุน
  8. กองทุนส่วนบุคคล มีผู้จัดการช่วยให้การลงทุนของคุณง่ายขึ้น
  9. คู่มือการใช้ผลิตภัณฑ์ของเรา

แหล่งความรู้ด้านการลงทุน

  1. เริ่มลงทุนก้าวแรก เริ่มลงทุนก้าวแรก
  2. ลงทุนตามสินทรัพย์ ลงทุนตามสินทรัพย์
  3. บทวิเคราะห์การลงทุน บทวิเคราะห์การลงทุน
  4. แหล่งความรู้ครอบจักรวาลการลงทุนเพื่อทุกคน แหล่งความรู้ครอบจักรวาลการลงทุนเพื่อทุกคน

ข่าวสารและโปรโมชัน

  1. โปรโมชันและสิทธิพิเศษเพื่อคุณ
  2. อัปเดตข่าวสาร
  3. ประกาศ
  4. Point to invest
  5. INVX Point​
scbs image

โปรโมชันและสิทธิพิเศษ

พิเศษสำหรับลูกค้า Innovestx เท่านั้นใช้พอยต์แลกกองทุนรวมที่โดนใจ

ดูเพิ่มเติม

เกี่ยวกับเรา

  1. เกี่ยวกับเรา ร่วมเติบโตอย่างยั่งยืนไปกับเรา InnovestX
  2. ร่วมงานกับเรา ก้าวไปข้างหน้าแบบมีสไตล์
ค้นหาล่าสุด
เคลียร์
{{GetHitSearchValue.keywordTitle}}

เจาะความหมาย Sell in May and Go Away คืออะไรในปัจจุบัน

blog_list_heading
01 พ.ค. 2565;
ใช้เวลาอ่าน 5 นาที
1298
แชร์บทความนี้
test_blog_details_img

เนื้อหาโดยรวม

    ทำความรู้จักกลยุทธ์ Sell in May and Go Away ว่าคืออะไร พร้อมตอบคำถามว่าในปัจจุบันปัจจัยตามฤดูกาล อย่าง Sell in May ยังคงมีอิทธิพลกับโลกของการลงทุนเหมือนในอดีตอยู่หรือไม่

    เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นต่อพอร์ตการลงทุนของเราและเตรียมรับมือกับเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้

ถอดบทเรียนจากกลยุทธ์ในอดีต "Sell in May and Go Away"

"Sell in May and Go Away" คือกลยุทธ์ในอดีต อีกทั้งยังเป็นคำพูดติดปากที่นักลงทุนหลายคนคุ้นเคยเป็นอย่างดี โดยมาจากค่าสถิติที่เชื่อว่านักลงทุนจะพากันเทขายหุ้นตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป เนื่องจากมองว่าตลาดหุ้นมักจะให้ผลตอบแทนไม่ดีในช่วง 4-5 เดือนหลังจากนั้น ก่อนที่จะเริ่มกลับมาซื้อหุ้นกันอีกครั้งในช่วงเดือนตุลาคม - พฤศจิกายน ซึ่งปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นมาหลายปีติดต่อกัน โดยความเชื่อนี้เกิดขึ้นครั้งแรกที่ประเทศอังกฤษและสหรัฐอเมริกา โดยนักลงทุนเชื่อว่าสาเหตุของปรากฏการณ์นี้อาจเกิดจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น

● ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 2 และ 3 มักไม่โดดเด่นเท่าไตรมาส 1

● นักลงทุนมักเริ่มขายหุ้นเพื่อเก็บเงินสดไว้ใช้จ่ายในช่วงฤดูร้อน

● ภาวะเศรษฐกิจมักชะลอตัวลงในช่วงฤดูร้อน

Sell in May and Go Away คืออะไรในปัจจุบัน

ทำไมในอดีต ช่วงเดือน พ.ค.- ต.ค. ถึงมีผลตอบแทนการลงทุนลดลง?

หากมองเหตุผลเชิงฤดูกาลแล้ว ในอดีตตลาดมักจะมีปริมาณการซื้อขายคึกคักในช่วงหน้าหนาว ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนและจะกลับมาซึมลงในช่วงหน้าร้อน ซึ่งเริ่มต้นในเดือนพฤษภาคม ดังนั้น นักลงทุนที่มีผลกำไรดีจากการซื้อขายหุ้น ตั้งแต่ช่วงปลายปีต่อเนื่องมาจนถึงสิ้นไตรมาส 1 ของปีถัดไป ก็มักจะมีแรงจูงใจให้ขายทำกำไรในช่วงการประกาศงบการเงินระหว่างเดือนเมษายน – พฤษภาคม เพื่อหลีกเลี่ยงตลาดที่มีการซื้อขายลดลง

ค่าสถิตินี้ยังใช้ได้หรือไม่ในปัจจุบัน?

แหล่งที่มาของข้อมูล Bloomberg

จากสถิติในรูปภาพด้านบน (อ้างอิงดัชนี S&P500) นับตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมา ไม่พบการ Sell in May เกิดขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ มีเพียง 3 ครั้งเท่านั้นที่ติดลบมากกว่า -5% ในขณะที่ผลตอบแทนในช่วงหน้าร้อน (พ.ค. - ก.ย.) ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยที่ -0.2% โดยเดือนที่ถูกแรงขายกดดันอยู่บ่อยครั้ง กลับเป็นเดือนกันยายน

มุมมองต่อกลยุทธ์การลงทุนในช่วง Sell in May and Go away ในปัจจุบัน

ในปัจจุบันปัจจัยต่าง ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นมีมากขึ้นและมีความซับซ้อนมากกว่าเดิม InnovestX จึงมองว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ อาจปรับตัวลดลงในช่วง 1 - 3 เดือนข้างหน้า เนื่องจากมีปัจจัยเสี่ยงหลายประการ เช่น ปัญหาทางการเมืองที่อาจนำไปสู่ภาวะขาดสภาพคล่องหรือผิดนัดชำระหนี้ของรัฐบาล นโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้นของธนาคารกลางสหรัฐฯ ปัญหาภาคการธนาคารที่อาจส่งผลกระทบต่อการปล่อยกู้ในอนาคต และสัญญาณเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงจากตัวเลข GDP ไตรมาสแรก ที่อ่อนแอกว่าคาด ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลมากกว่าแรงขายตามฤดูกาลตามกลยุทธ์ Sell in May เราจึงแนะนำให้ลดพอร์ตการลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มที่มีความผันผวนสูงและมีกำไรดีมาตั้งแต่ต้นปี โดยอาจมองทางเลือกในการเทรดหุ้นไทยกันมากขึ้น

โดยสรุปคือ ปัจจัยตามฤดูกาล อย่าง Sell in May เริ่มไม่ได้มีอิทธิพลกับโลกการลงทุนเหมือนในอดีตแล้ว โดยเฉพาะในตลาดหุ้นไทย ซึ่งหากเราทำการศึกษาและทำความเข้าใจคำศัพท์ก่อนการลงทุน จะทำให้สามารถวางแผนการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นต่อพอร์ตการลงทุนของเรา และเตรียมรับมือกับเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้ อีกทั้งนักลงทุนในปัจจุบันมีทางเลือกในการลงทุนมากขึ้น ทั้งการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล การเลือกลงทุนตราสารหนี้ในประเทศที่สนใจ ทางเลือกเหล่านี้อาจทำให้นักลงทุนไม่จำเป็นต้องใช้กลยุทธ์ Sell in May and Go away เพื่อลดความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุนอีกต่อไป

สุดท้ายนี้ แม้อาจจะยังมีความเสี่ยงที่ยังรอเราอยู่ แต่ต้องอย่าลืมว่าการลงทุนและการบริหารสินทรัพย์ต่าง ๆ เป็นเรื่องของภาพในระยะยาวด้วย การเข้าใจความเสี่ยงต่าง ๆ อย่างรอบด้าน พร้อมกับการทำความเข้าใจกลยุทธ์การลงทุนในอดีตอย่าง Sell in May and Go Away ว่าคืออะไร ก็อาจจะช่วยให้เราสามารถปรับพอร์ตการลงทุนของเราให้สอดคล้องกับสถานการณ์ได้อย่างเหมาะสม

สำหรับใครที่ไม่ได้ปัดฝุ่นพอร์ตลงทุนของตัวเองมานานแล้ว สามารถอัปเดตสถานการณ์ตลาดและการลงทุนประจำเดือนได้ที่รายการ ปรับพอร์ต บนช่อง YouTube ของทาง InnovestX อย่าลืมกด Subscribe และกดกระดิ่งแจ้งเตือน เพื่อไม่พลาดทุกการอัปเดตนะครับ

คำเตือน

*การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต

หัวข้ออื่นๆ ที่คุณอาจสนใจ
กลับด้านบน