ผลิตภัณฑ์

  1. หุ้น เป็นหุ้นส่วนบริษัท ด้วยเงินหลักร้อย
  2. กองทุน เปิดพอร์ตแบบอีซี่.. มีมืออาชีพคอยดูแลให้
  3. Intelligent Portfolios เปิดโหมดอัตโนมัติสำหรับดูแลการลงทุน
  4. สินทรัพย์ดิจิทัล การลงทุนบนสินทรัพย์แห่งอนาคต
  5. ตราสารหนี้และหุ้นกู้ ลงทุนเพื่อผลตอบแทนระยะยาว
  6. ตราสารอนุพันธ์ มองการณ์ไกล ด้วยสัญญาซื้อขายล่วงหน้า
  7. บริการยืมและให้ยืมสินทรัพย์ ปล่อยเช่า-ขอยืมหุ้น เพื่อเพิ่มโอกาสในการลงทุน
  8. กองทุนส่วนบุคคล มีผู้จัดการช่วยให้การลงทุนของคุณง่ายขึ้น
  9. คู่มือการใช้ผลิตภัณฑ์ของเรา

แหล่งความรู้ด้านการลงทุน

  1. เริ่มลงทุนก้าวแรก เริ่มลงทุนก้าวแรก
  2. ลงทุนตามสินทรัพย์ ลงทุนตามสินทรัพย์
  3. บทวิเคราะห์การลงทุน บทวิเคราะห์การลงทุน
  4. แหล่งความรู้ครอบจักรวาลการลงทุนเพื่อทุกคน แหล่งความรู้ครอบจักรวาลการลงทุนเพื่อทุกคน

ข่าวสารและโปรโมชัน

  1. โปรโมชันและสิทธิพิเศษเพื่อคุณ
  2. อัปเดตข่าวสาร
  3. ประกาศ
  4. Point to invest
  5. INVX Point​
scbs image

โปรโมชันและสิทธิพิเศษ

พิเศษสำหรับลูกค้า Innovestx เท่านั้นใช้พอยต์แลกกองทุนรวมที่โดนใจ

ดูเพิ่มเติม

เกี่ยวกับเรา

  1. เกี่ยวกับเรา ร่วมเติบโตอย่างยั่งยืนไปกับเรา InnovestX
  2. ร่วมงานกับเรา ก้าวไปข้างหน้าแบบมีสไตล์
ค้นหาล่าสุด
เคลียร์
{{GetHitSearchValue.keywordTitle}}

INVX Biweekly Portfolio Strategy 04/03/2024 ช่วงสั้นมอง SET ยังรอปัจจัยหนุนใหม่ ภายใต้การมีแรงกดดันจากความเสี่ยงของเศรษฐกิจโลก

blog_list_heading
04 มี.ค. 2567;
125
แชร์บทความนี้
test_blog_details_img

เนื้อหาโดยรวม

ช่วงสั้นมอง SET ยังรอปัจจัยหนุนใหม่ ภายใต้การมีแรงกดดันจากความเสี่ยงของเศรษฐกิจโลก

ช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา SET ปรับตัวลง 1.36% เนื่องจากถูกกดดันจากปัจจัยลบในประเทศเป็นหลัก อาทิ GDP 4Q66 ออกมาต่ำกว่าตลาดคาดมากและสภาพัฒน์ฯ ปรับลดประมาณการปีนี้ลง นอกจากนี้ภาพรวม บจ. ไทย รายงานผลการดำเนินงาน 4Q67 ส่วนใหญ่ออกมาแย่กว่าตลาดคาด โดยมีแรงขายหลัก นำโดยหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ (DELTA HANA KCE) อีกทั้งยังมีแรงขายในหุ้นใหญ่ (BJC OSP BANPU) จากถูกปรับออกจาก MSCI Global Standard ส่วนหุ้นที่มีแรงซื้อ นำโดย กลุ่มธพ. (SCB KBANK BBL KTB) หลังประกาศจ่ายเงินปันผลสูง และหุ้นที่มีผลการดำเนินงานปกติ 4Q66 ดีกว่าคาด (CPALL TRUE) อย่างไรก็ดีต่างชาติพลิกซื้อสุทธิใน SET ราว 2.2 พันลบ. และทำให้เดือน ก.พ. พลิกมีแรงซื้อสุทธิราว 2.86 พันลบ. หลังขายสุทธิต่อเนื่อง 12 เดือน

ช่วงสั้นมองตลาดหุ้นไทยยังได้รับแรงกดดันจากตัวเลขเศรษฐกิจของจีนที่มีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะเงินฝืดและการผลิตที่หดตัวต่อเนื่อง ขณะที่ตลาดคาดตัวเลขเงินเฟ้อ ก.พ. ของไทยจะมีแนวโน้มติดลบเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน ซึ่งอาจจะส่งผลให้มีแรงหนุนจากความคาดหวังต่อการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายในระยะถัดไป ส่วนการประชุมนโยบายการเงินของ ECB ตลาดคาดจะยังคงที่ระดับ 4.0% ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 4 ธีมหลัก ดังนี้

1)หุ้นเก็งกำไรจากแรงซื้อกลับจากทำ Cover Short และ Fund Flow ไหลกลับ อีกทั้ง ตลท. มีแผนออกมาตรการคุม Short Sales มากขึ้น ขณะที่พื้นฐานยังแข็งแกร่ง เลือก AOT KBANK BBL PTT

2)หุ้นขนาดเล็กที่ปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง โดยกำไรปี 2567 ยังเติบโตดี YoY และมองราคาหุ้นผ่านจุดต่ำสุดแล้ว เลือก AU ONEE SECURE KLINIQ HTC

3)หุ้นปันผลที่คาดให้ Div. Yield สูงกว่า 4% อีกทั้ง DPS และ Div. payout ratio มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งมองหนึ่งในทางเลือกลงทุนเพื่อสร้างกระแสเงินสดที่ดีให้แก่พอร์ตลงทุน แนะนำ BBL KTB AP ADVANC RJH DRT

4)นักลงทุนระยะยาวแนะนำลงทุนสะสมแบบ DCA เนื่องจากมองเป็นจังหวะที่ดีที่สุด หลัง SET ปรับลงแรงจนความเสี่ยงลดลงไปมาก และราคาหุ้นอยู่ในระดับ Undervalue มาก โดยเลือก BBL BDMS BEM CPALL PTT และ SCC ซึ่งเป็นหุ้น SET100 ซึ่งเป็นผู้นำในแต่ละอุตสาหกรรม และมี ESG Ratings ระดับ AAA/AA, Valuation ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 10 ปี และผลการดำเนินงานยังแข็งแกร่ง

                                      ท่าน สามารถอ่านและดาวน์โหลดเอกสารได้จาก  Biweekly Portfolio Strategy 240304_T

                                      InnovestX Biweekly Portfolio Strategy

                                      InnovestX Biweekly Portfolio Strategy

                                      InnovestX Biweekly Portfolio Strategy

                                      InnovestX Biweekly Portfolio Strategy

                                      InnovestX Biweekly Portfolio Strategy

                                      กลับด้านบน