เนื้อหาโดยรวม
ช่วงที่ยากลำบากของ SET จะผ่านไปในไตรมาส 1/ 2024 และเริ่มดีขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 2/2024 และในครึ่งหลังปี 2024 ตามที่เคยประเมินไว้ช่วงต้นปีนี้
ประเมินเป้าหมาย SET Index อยู่ที่ 1,550 จุด ชี้เป้าหุ้นเด่นไตรมาส 2 เน้นโฟกัสหุ้นที่ผลประกอบการทำจุดต่ำสุดแล้วและได้ประโยชน์จากการลดดอกเบี้ย ได้แก่ AOT GFPT GULF KCE และ SCGP โดยแนะนำให้เข้าซื้อในช่วงระดับต่ำกว่า 1,400 จุด คาดหวังผลตอบแทนได้ 12%
แนวโน้มเศรษฐกิจโลกและไทย และกลยุทธ์การลงทุนปีมังกร
ช่วงที่ยากลำบากของ SET จะผ่านไปในไตรมาส 1/ 2024 และเริ่มดีขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 2/2024 และในครึ่งหลังปี 2024 ตามที่เคยประเมินไว้ช่วงต้นปีนี้ เนื่องจากนโยบายผ่อนคลายทางการเงินจากสหรัฐฯ ยุโรป และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากจีน และการเบิกจ่ายงบประมาณของรัฐที่จะทำให้ GDP ของไทย จะขยายตัวได้ 3.0% จากการลงทุนภาครัฐและเอกชนที่เพิ่มขึ้น แต่หากการเบิกจ่ายต่ำกว่าคาด เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ 2.5% ซึ่งหากเป็นกรณีหลังประเมินว่า ธปท. อาจสามารถปรับลดดอกเบี้ยได้ 2 ครั้ง
ประเมินเป้าหมาย SET Index อยู่ที่ 1,550 จุด ชี้เป้าหุ้นเด่นไตรมาส 2 เน้นโฟกัสหุ้นที่ผลประกอบการทำจุดต่ำสุดแล้วและได้ประโยชน์จากการลดดอกเบี้ย ได้แก่ AOT GFPT GULF KCE และ SCGP โดยแนะนำให้เข้าซื้อในช่วงระดับต่ำกว่า 1,400 จุด คาดหวังผลตอบแทนได้ 12%
สรุป Session คุณสุทธิชัย คุ้มวรชัย นักวิจัยการลงทุนอาวุโส ฝ่าย กลยุทธ์การลงทุน
คาดการณ์เศรษฐกิจโลกและไทย ณ สิ้นปี 2024
1)Fed Fund ยังคงไว้ที่ 4.4%
2)ค่าเงินบาท ณ สิ้นปี 2024 จะอยู่ที่ 35.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ
3)อัตราดอกเบี้ยนโยบายไทยจะลดลงไปราว 2 ครั้ง โดยอยู่ที่ 2.00-2.50% ณ สิ้นปี 2024
4)ราคาน้ำมันจะอยู่ที่ เฉลี่ย 80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ปัจจัยและประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามในไตรมาส 2/2024
1)การประชุมของ FOMC และ ECB คาดเริ่มลดดอกเบี้ยในเดือนมิถุนายน ซึ่งอาจลดได้ 3-4 ครั้งปีนี้
2)อสังหาริมทรัพย์จีนยังเจอกับปัญหา แต่จีนก็มีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยคาดหวังให้ไปถึงที่ +5% ในปีนี้
3)จับตามองการเลือกตั้งประธาณาธิบดีของสหรัฐฯ สงครามในสองพื้นที่ทั้งยูเครน-รัสเซีย และอิสราเอล-ปาเลสไตน์
4)การเบิกจ่ายงบประมาณของรัฐบาลไทย รวมถึงสถานการณ์และความเป็นไปได้ของดิจิทัลวอลเล็ต
5)ผลประกอบการณ์ของตลาดหุ้นไทยจะฟื้นตัวในไตรมาส 2/2024
สรุป Session ดร.ปิยศักดิ์ มานะสันต์ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน
สถานการณ์ตลาดหุ้นโลก
การปรับตัวที่ดีของสหรัฐฯ และจีน ทำให้ IMF ปรับการคาดการณ์ไปในทิศทางที่สดใสขึ้นจาก +2.9 ไปที่ +3.1% แต่ยังมีปัจจัยที่ต้องจับตาดูจากสถานการณ์โลก คือ การเลือกตั้งประธาณาธิบดีของสหรัฐฯ สงครามในสองพื้นที่ทั้งยูเครน-รัสเซียและอิสราเอล-ปาเลสไตน์ โดยปัจจัยจากสงครามทำให้สินทรัพย์ทางเลือกอย่างทองคำเป็นที่น่าสนใจ ประจวบกับดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางหลายแห่งกำลังลดลง
Bitcoin ยังเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสินทรัพย์ที่น่าสนใจเนื่องจากสินทรัพย์กำลังใกล้เข้าสู่ช่วง Bitcoin Halving ในวันที่ 20 เมษายนนี้ รวมถึงปัจจัยหนุนจากกองทุน Ethereum Spot ETF ที่คาดว่าจะได้รับการอนุมัติจาก ก.ล.ต.สหรัฐฯ ต่อจาก Bitcoin Spot ETF ที่เพิ่งอนุมัติไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ 1) Fed Fund Rate จะร่วงลงเหลือ +4.40% ลดลง 100 bps จากปี 2023
ตลาดหุ้นสหรัฐ
ในไตรมาส 2 นี้ สิ่งที่ยังน่าจับตามองคือ อัตราดอกเบี้ยจากธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ FED เนื่องจากมีการคาดการณ์ของตลาดและนักวิเคราะห์ มองว่าดอกเบี้ยจะลดลงในปีนี้ประมาณ 3-4 ครั้ง โดย InnovestX คาดการณ์ Fed Fund Rate ณ สิ้นปีที่ 4.4%
ตลาดหุ้นจีนและยุโรป
จีนมีมาตรการกระตุ้นทั้งทางการเงินและนโยบายเพื่อกระตุ้น GDP ไปให้ถึง +5% ด้านเศรษฐกิจจีนจะฟื้นตัวในระยะสั้น แต่ระยะยาวยังเผชิญความเสี่ยงจาก 3 วิกฤต ได้แก่ อสังหาริมทรัพย์ ภาวะเงินฝืด และวิกฤตการจ้างงาน ในขณะที่ยุโรปที่ส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยนโยบายลงในเดือนมิถุนายนนี้ เพราะเงินเฟ้อลดลงเหลือ 2.6%
เศรษฐกิจไทย
ในส่วนของฝั่งไทย กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF ได้มีการปรับการคาดการณ์การเติบโตของจีดีพีจาก 3.2 เป็น 4.4% การเบิกจ่ายงบประมาณรัฐบาลและการใช้นโยบายทางการเงิน (ดิจิทัลวอลเล็ต) ยังต้องเป็นที่จับตามองซึ่งส่งผลต่อตลาด หากการเติบโตเศรษฐกิจขยายตัว ก็ส่งผลบวกต่อตลาด
อีกตัวแปรหนึ่งของเศรษฐกิจไทย คือ หากการเบิกจ่ายของรัฐบาลปีนี้เป็นไปได้ราบรื่น เร่งตัวได้ดี เศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้ +3.0% แต่ถ้าหากการเบิกจ่ายนั้นต่ำกว่าคาด ก็ตั้งการประเมินไว้ที่ +2.5% โดยในกรณีหลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. จะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเหลือ 2.00% ณ สิ้นปี 2024 โดยลดลง 2 ครั้ง ในเดือนเมษายนและมิถุนายน ปัจจัยต่าง ๆ ที่กล่าวมาข้างต้น จะเป็นแรงหนุนให้ตลาดหุ้นไทยในไตรมาส 2 ปีนี้ขึ้นไปในระดับ 1,550 จุด
สรุป Session คุณสิทธิชัย ดวงรัตนฉายา นักลงทุนกลยุทธ์อาวุโส หุ้นไทยและหุ้นต่างประเทศ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน
กลยุทธ์การลงทุนในหุ้นไทยและต่างประเทศที่แนะนำในไตรมาส 2/2024 โดย InnovestX
ตลาดหุ้นไทย
ไตรมาส 2 ปี 2567 เน้นโฟกัสหุ้นที่ผลประกอบการทำจุดต่ำสุดแล้วและได้ประโยชน์จากการลดดอกเบี้ย มีฐานะการเงินและกระแสเงินสดที่ดี ผลประกอบการมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างชัดเจน และได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของวงจรการผลิตภาคอุตสาหกรรมและการเบิกจ่ายงบประมาณ ได้แก่ AOT GFPT GULF KCE และ SCGP
ตลาดหุ้นต่างประเทศ
กระแสการลงทุนจะเปลี่ยนน้ำหนักลงไปที่ตลาดเกิดใหม่ มากกว่าหุ้นกลุ่มตลาดพัฒนาแล้ว ทั้งนี้กลุ่มเทคโนโลยียังมีความน่าสนใจอย่าง TSMC, ASML, Microsoft, Alphabet และเม็ดเงินลงทุนใหม่จะมุ่งเน้นไปที่กลุ่ม non-tech และกลุ่มวัฏจักรมากขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นไป ได้แก่ Airbus, Home Depot, Pfizer, Walt Disney, China Mobile, Baidu, CATL
สรุป Session คุณพยนต์ พงศาวรี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ผู้บริหารสายงานฝ่าย Wealth Products and Strategy
กองทุน ตราสารหนี้ และอื่น ๆ
กระแสการลงทุนในไตรามาสนี้ควรเน้นลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพดีเป็นหลัก และหลีกเลี่ยงการลงทุนตราสารหนี้ที่มีคุณภาพสินทรัพย์ในระดับต่ำ แนะนำกองทุน UGIS-N ที่ลงทุนผ่านกองทุนหลัก PIMCO GIS Income Fund ลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพสูงทั่วโลก
ส่วนกองทุนด้านตราสารทุน แนะนำกลุ่มประเทศที่มูลค่าต่ำแต่มีปัจจัยบวกหนุนอย่างไทย ได้แก่ TISCOHD-A และ ASP-SME-A ส่วนการลงทุนในตลาดเวียดนาม แนะนำการลงทุนใน PRINCIPAL-VNEQ-A และเกาหลีใต้แนะนำการลงทุนใน SCBKEQTG
ราคาทองคํามี Upside จํากัด หลังราคาปรับตัวขึ้นทําจุดสูงสุดใหม่โดยได้รับปัจจัยกดดันจาก Real Yield ที่อยู่ในระดับสูง ส่งผลให้ปัจจุบัน REITs อาจดึงดูดความสนใจจากนักลงทุนได้มากกว่าทองคำ
กลยุทธ์การลงทุนที่แนะนำในไตรมาส 2/2024 โดย InnovestX
การลงทุนแบบ DCA (Dollar-Cost-Averaging)
นักวิเคราะห์ InnovestX แนะนำกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับช่วงนี้ที่ราคาหุ้นไทยยังอยู่ในมูลค่าต่ำ ทำให้สามารถลงทุนระยะยาวโดยการ DCA ที่จะนำเงินเท่าๆ กันในทุกงวดไปลงทุนในสินทรัพย์ที่เลือกลงทุนในระยะเท่าๆ กัน เช่น ทุกๆ วันแรกของเดือน
โดยเกณฑ์การพิจารณาหุ้นสำหรับ DCA เข้าพอร์ตควรเป็นหุ้นที่พื้นฐานดี ราคา Undervalue มีผลการดำเนินงานเติบโตต่อเนื่อง ได้แก่ BBL, BDMS, BEM, CPALL, PTT และ SCC
ผลการดำเนินงานสะสมของหุ้นและพอร์ตในปัจจุบันอยู่ที่ 2.3% (30 พ.ย 23. - 15 มี.ค.24) เหมาะสำหรับนักลงทุนระยะกลาง - ยาว และนักลงทุนที่ไม่มีเวลาติดตามภาวะตลาด
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลยุทธ์การลงทุน DCA คลิก
การลงทุนแบบ Bi-Weekly Portfolio Strategy
กลยุทธ์ที่เน้นการลงทุนตามธีมหรือกระแสลงทุนที่กำลังจะมา โดยนักวิเคราะห์ InnovestX จะคัดเลือกหุ้นที่คาดจะได้ปัจจัยบวกต่อแนวโน้มที่กำลังจะเกิดขึ้นตามธีม หรือกระแสการลงทุนดังกล่าว ในระยะเวลาการลงทุน 2 สัปดาห์
โดยนักลงทุนสามารถซื้อหุ้นแนะนำในวันทำการแรกของสัปดาห์ที่ออกบทวิเคราะห์ และขายหุ้นดังกล่าวในวันศุกร์สัปดาห์ที่สอง
ผลการดำเนินงานสะสม ของกลยุทธ์ Bi-Weekly Portfolio Strategy โดยนักวิเคราะห์ InnovestX ในปี 2023 ที่ผ่านมา มีผลการดำเนินงานชนะตลาดที่ 2.6% ในขณะที่ตลาดติดลบ -11.0%
เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงได้ สามารถตัดขาดทุน Cut loss ที่ -5%
นักลงทุนระยะกลาง เน้นการเก็งกำไรในรอบ 2 สัปดาห์ นักลงทุนที่มีเวลา ติดตามภาวะตลาดเป็นครั้งคราว
*Bi weekly Portfolio Strategy คือ กลยุทธ์การลงทุน ราย 2 สัปดาห์ เฟ้นหุ้นคุณภาพดี 5 บริษัท ที่คาดว่าจะสอดคล้องกับปัจจัยบวกที่จะเกิดขึ้น โดยคัดจากหุ้นที่มีพื้นฐานดี เทคนิคผ่าน และมีธีมหรือกระแสที่กำลังจะมา
กลยุทธ์การลงทุน Bi-Weekly Portfolio strategy คลิก
การลงทุนแบบ Daily Portfolio Strategy
กลยุทธ์ที่เน้นการลงทุนตามธีมหรือกระแสการลงทุนรายวัน โดยนักวิเคราะห์ InnovestX จะคัดเลือก 2 หุ้นที่คาดจะได้ปัจจัยบวกต่อแนวโน้มที่กำลังจะเกิดขึ้น ตามธีมหรือกระแสการลงทุนดังกล่าว
นักลงทุนสามารถนำรายชื่อหุ้นที่แนะนำมาประกอบการตัดสินใจการลงทุน และกระจายนํ้าหนักการลงทุน ใน 2 หุ้น เท่ากัน ส่งคำสั่งเข้าซื้อในช่วงก่อนตลาดเปิดช่วงเช้า (ATO) ในวันดังกล่าว และส่งคำสั่งเพื่อ ขายในช่วงก่อนตลาดเปิดช่วงเช้า (ATO) ในวันทำการถัดไป
ผลการดำเนินงานสะสมในปี 2023 ชี้ให้เห็นว่าการลงทุนตามกลยุทธ์นี้ มีอัตราผลการดำเนินงานที่ 47.2% เมื่อเทียบกับตลาด -19.2% และในปัจจุบันยังชนะตลาดที่ 8.7% ในขณะที่ตลาด -2.4% เหมาะสำหรับสายซิ่งที่เน้นซื้อขายทำกำไรรายวันและมีเวลาในการตามสภาพและข่าวสารของตลาด รับความเสี่ยงได้
สามารถตัดขาดทุน Cut loss ที่ -5%
ติดตามบทวิเคราะห์การลงทุนอื่นๆ เพิ่มเติมจาก InnovestX คลิก https://bit.ly/respublisher
ที่มา : งานแถลงข่าวของ InnovestX
คุณสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด | คุณพยนต์ พงศาวรี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ผู้บริหารสายงานฝ่าย Wealth Products and Strategy บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด| คุณสุทธิชัย คุ้มวรชัย นักวิจัยการลงทุนอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด | ดร. ปิยศักดิ์ มานะสันต์ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด | คุณสิทธิชัย ดวงรัตนฉายา นักกลยุทธ์อาวุโสตลาดหุ้นไทยและต่างประเทศ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด