Today Update
และนักลงทุนมากประสบการณ์สามารถลงทุนได้อย่างมั่นใจ
บทวิเคราะห์หุ้นไทย
บทวิเคราะห์หุ้นต่างประเทศ

กลยุทธ์การลงทุนในตลาดหุ้นไทย ประจำสัปดาห์ 12 - 15 ธ.ค. 2566 1) หุ้น Big
Cap. (SET50) ที่คาดเป็นเป้าหมายการลงทุนจากแผนจัดตั้งกองทุน
TESG
ซึ่งเราได้คัดเลือกหุ้นที่อยู่ในดัชนี
SETESG
ที่มีคุณสมบัติน่าสนใจ
ดังนี้ 1) ได้ ESG
Rating “AAA” หรือ
“AA”
และ
2) ราคาหุ้นปรับตัวลงแรงกว่า SET YTD เลือก SCGP OR CPALL BEM GULF CRC HMPRO ขณะที่หุ้น
ESG
Rating “A” ซึ่งราคาหุ้นปรับตัวลงแรงมากในช่วงที่ผ่านมา
แนะนำ AOT 2) หุ้น Big
Cap. (SET50) ที่คาดเป็นเป้าหมายการลงทุนจากแผนจัดตั้งกองทุน
TESG
ซึ่งคัดเลือกหุ้นที่อยู่ในดัชนี
SETESG
ที่ได้
ESG
Rating “AAA” และราคาหุ้นปรับขึ้นดีกว่า
SET
YTD อีกทั้งผลการดำเนินงานยังแข็งแกร่ง
และคาดให้ Div.
Yield มากกว่า
5% ต่อปี เลือก PTT
KTB 3) นักลงทุนระยะยาวแนะนำเริ่มลงทุนแบบ
Dollar-Cost-Average
(DCA) เนื่องจากมองเป็นจังหวะที่ดีที่สุด
หลัง SET
ปรับลงแรงจนความเสี่ยงลดลงไปมากและราคาหุ้นอยู่ในระดับ
Undervalue
มาก
โดยเลือก BBL
BDMS BEM CPALL PTT และ
SCC
ซึ่งเป็นหุ้น
SET100
ซึ่งเป็นผู้นำในแต่ละอุตสาหกรรม
และมี ESG
Rating ระดับ
AAA/AA,
Valuation ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ
10 ปี และผลการดำเนินงานเติบโตต่อเนื่อง 4) ช่วงสั้นแนะนำระมัดระวังหุ้นที่คาดได้รับผลกระทบอย่างมีนัยจากแผนปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำของรัฐบาลซึ่งจะมีการประชุม
ครม. 12 ธ.ค. นี้ ได้แก่ กลุ่มขนส่งพัสดุ (KEX) กลุ่มอาหาร (CPF
ZEN GFPT TU AU) กลุ่มอสังหาฯ
(LPN
PSH SPALI SIRI QH AP) และกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์
(HANA
KCE) ขณะที่ระยะกลางแนะนำระมัดระวังหุ้นที่คาดได้รับผลกระทบจากภาวะเอลนีโญที่จะกระทบต่อกำลังซื้อภาคเกษตรลดลง ได้แก่ กลุ่มสินเชื่อ (MTC
SAWAD) กลุ่มยานยนต์
(SAT
STANLY) กลุ่มเครื่องดื่ม
(CBG
จากราคาน้ำตาลที่สูงขึ้น)
รวมถึงกลุ่มเกษตรและอาหาร (CPF GFPT BTG) |
Order by
Newest on top Oldest on top